8/31/07

พรุ่งนี้รวย..วันนี้เรียง(เบอร์)

พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย
ยังมีเลขสวย ๆ รอไว้ให้
เชิญเลือกชมซื้อถามได้ตามใจ
เลขบอกใบ้เมื่อวานอาจารย์ดัง

งวดใหม่นี้เลขเด็ดต้องเจ็ดสาม
หรือจะตามแปดห้าเก้าที่เราหวัง
เล่นสลับกลับทางอย่างระวัง
ซื้อพลาดพลั้งกลับไม่หมดอดรางวัล

หากคิดหวังรางวัลใหญ่ใจต้องเสี่ยง
ซื้อเลขชุดจัดเรียงเสี่ยงเพื่อฝัน
ไม่มากมายเงินควัก..แค่หลักพัน
ความหวังนั้นหลายสิบล้านสราญเริง

พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย
หากถูกหวย..ชีวิตใหม่ไม่ยุ่งเหยิง
จ่ายฟาดหัวเจ้าหนี้ไปให้กระเจิง
ดับทุกข์เพลิงกังวลร้อนรนไฟ

อยากจะรวย..ก็ใช่..ใจก็คิด
อยากจะเขียนลิขิตชีวิตใหม่
อยากเลือกทำสิ่งหวังได้ดั่งใจ
แต่ทำได้..ทุกอย่างนี้..ต้องมีเงิน

หากหาเอง..เกรงว่า..หาทั้งชาติ
ไม่สามารถฝันเพ้อละเมอเขิน
เพียรเก็บงำ..มากเท่าไร..คงไกลเกิน
ยังห่างเหินการ "ปลอดหนี้" ที่รอคอย

ถูกสองตัวไม่กี่บาทขาดอีกเยอะ
ถูกสามตัวก็เถอะ..ยังเศร้าหงอย
รางวัลที่หนึ่ง...นั้นหรือ..คือลาภลอย
หวังนิดหน่อยสามสิบล้าน...หวานอารมณ์

ควักกระเป๋าซื้อเลขชุดสะดุดคิด
หากพลาดผิดความหวังยังไม่สม
เดือนนี้คงขาดแคลนแสนตรอมตรม
เสี่ยงเถอะ..ข่มความเสียดายผ่อนคลายไป

.....
.....
.....

เรียงเบอร์...ครับ..เรียงเบอร์
ไล่ขึ้นลง..หาไม่เจอ..เลขอยู่ไหน
ถูกใช่ถูก..ถูกดังที่หวังใจ
เลขชุดใหญ่..ถูกกินหมด..อดรางวัล

แง..แง...แง...แง

8/30/07

ขอผลัดอีกเดือนนะ

สิงหา....

อีกไม่นาน..นะ..รออีกไม่นาน
ให้เดือนนี้ผันผ่านสู่เดือนใหม่
หวังปัญหารอบกายสลายไกล
ทนทนไว้..ต้องทนดิ้น...จนสิ้นเดือน

หนี้ตัวแดง..แซงรายได้ช้ำใจนัก
ภาระหนักผูกติดชีวิตเฝื่อน
ได้รับมามากมายจดหมายเตือน
โทรขอเลื่อนวอนขอผลัดวันนัดไป

ค่าเช่าห้องที่หอ..ค้างรออยู่
รีบหนีออกแต่เช้าตรู่..รู้บ้างไหม
เจ้าของทวงย้ำเร่งไม่เกรงใจ
อายใครใครที่เผอิญเดินผ่านมา

เรื่องอาหารปากท้องไม่ต้องเอ่ย
ซ้าซากเคยจนชินกินมาม่า
น้ำร้อนรินเครื่องเติมเพิ่มโอชา
สมราคาห้าบาทห่อ..ต่อชีวี

รอถึงวันสุดท้ายของเดือนนะ
ไม่เลยละสัญญาไว้จะใช้หนี้
ด้วยสันดานแห่งกมลของคนดี
ทุกวจีที่บอกไม่หลอกลวง

หากถึงวันเงินเดือนออก
ถ้อยคำเคยพร่ำบอกไม่ต้องห่วง
จ่ายชำระหนี้ตามที่ถามทวง
เพียงวันล่วง..ผ่านไปไวไวเทอญ

วันนี้...เงินออกแล้ว
มาดื่มกันสักแก้วอย่าห่างเหิน
แค่หนึ่งวัน..ขอพัก..ไม่หนักเกิน
เพื่อนเพลิดเพลิน.มาครบแล้ว..ยกแก้วริน

ออกจากนี่..แล้วเรา...ไปเมาต่อ
เสียงแอ้อ้อ...หยิบนับจ่ายทรัพย์สิน
ไปฟังเพลง..ผับร็อคกัน..มันส์ชีวิน
ดื่ม..ดิ้น.กิน..เมาพับฟุบหลับไป

กันยา...

อีกไม่นาน...รอนะ..อีกไม่นาน
ชะลอหนี้ผลัดผ่านสู่เดือนใหม่
ที่มีคงติดค้างใช่ตั้งใจ
เพียงเงินใช้..ไม่มีเหลือ..เมื่อคืนแล้ว

เหลือไว้...แค่ใจผูกพัน

1.ดอกไม้จันทน์วางลงบนโลงขาว
อโหสิเรื่องราวที่ผ่านผัน
สูญลับไปจากโลกนี้..อีกชีวัน
ที่เคยผูกสัมพันธ์กันยาวนาน

2.ผู้คนต่างหลั่งไหลไปเคารพ
วางดอกไม้ไหว้ศพแล้วเดินผ่าน
เหลือความจำฝังฝากจากวันวาน
เก็บจดจารเอาไว้กลางใจตน

3.แขกเหรื่อเข้าเคารพครบทั่วถ้วน
เหล่าชายล้วนขยับเขยื้อนเลื่อนอีกหน
ยกโลงขี้นเข้าเผาเตาร้อนรน
เผชิญผจญเปลวเพลิงระเริงไฟ

4.เปลวสีส้มอมแสดแผดร้อนจ้า
สงสัยว่า..คนที่นอน..ร้อนบ้างไหม
เนื้อถูกเผากลิ่นฟุ้งคลุ้งลอยไกล
และภายในน้ำก็เดีอดก็เหือดลง

5.ปล่อยโหมไหม้จากนี้ราตรีหนึ่ง
สลายซึ่งคนที่ใจรักไหลหลง
เหลือกระดูกไหม้ไม่หมดให้ปลดปลง
ที่ยังคงยืนยันเน้นสิ่งเป็นไป

6.คนที่รักผูกพันคนนั้นหนอ
เขารั้งรอลอยวนอนู่หนไหน
หรือหลังชีพวางวายเลิกหายใจ
คงเหลือเพียงเยื่อใย..ใจผูกพัน

7.เก็บอัฐิเถ้ากองรองผ้าขาว
เริ่มเดินทางไกลยาวจากที่นั่น
สู่ทะเลเวิ้งกว้างอ้างว้างพลัน
เพื่อชิ้นส่วนสุดท้ายนั้นได้กลับคืน

8.กลีบดอกไม้โปรยลงตรงผิวน้ำ
เอ่ยคำร่ำลาไห้หักใจฝืน
โปรยอัฐิสู่ชล..ทนกล้ำกลืน
ปล่อยให้คลื่นซัดสาดปลาศไกล

ลอยไป..ลอยไป...ลอยไป..ไหนกัน
คนหนึ่ง..คนนั้น..จากกัน..ไปไหน
คลื่นสาด..คลื่นซัด..พรากพลัด..ห่างไป
เหลือสิ่งทิ้งไว้..แค่ใจผูกพัน

8/29/07

หุ่นยนต์...คนเมือง

ก่อนสีสันส้มแสด...แดดทาฟ้า
เหล่านกกาโผผินบินขับขาน
เอื้อนคำเอ่ยร่ำลาราตรีกาล
คลี่มืดม่าน..รับรุ่งแจ้ง..แสงตะวัน

หลายชีวิตงัวเงียเพลียไม่หาย
ยังสบายเพลินหลับอยู่กับฝัน
แต่ภาระหน้าที่มีผูกพัน
ในหัวงการผ่านผันวันเวลา

ใกล้ถึงซึ่งฟ้าสาง.....
เริ่มเดินทาง..จำพราก.จากเคหา
ยืนห้อยโหน..ยัดเยียด..เบียดเสียดมา
ก้นชนขา..หน้าชนหลัง..รั้งเอนโอน

เพิ่งเช้าเท่านั้น...ฟ้าเริ่มสาง
ถนนว่าง.น่ากลัวจริง..วิ่งผาดโผน
เจอไฟแดงเบรคซ้ำคะมำโยน
สองแขนโหน..อ่อนล้า..พะว้าพะวัง

พอสายเข้าอีกนิด
รถราติดขัดข้องทั้งสองฝั่ง
ดมกลิ่นไอควันเสียอ่อนเพลียจัง
ทางก็ยังอีกไกลใจกังวล

หลายชั่วโมงเสียไปในเช้านี้
หลายชีวีถูกขังไว้ในถนน
หลายมลพิษชีวิตเผชิญผจญ
หลายเหตุผลต้องทำใจอยู่ในกรุง
.................
.....................
.................
ก่อนสีสัน..ส้มแสด..แดดลาฟ้า
สิ้นเวลาเปล่าเปลืองในเมืองรุ่ง
กับม่านหมอก..ควันปล่อย..ล่องลอยฟุ้ง
แหละวันพรุ่ง...ก็จะเป็นเหมือนเช่นเคย

มนุนย์..หุ่นยนต์..คน...เครื่องจักร
เหนื่อยนักชีวิน..ชาชินจนเฉย
ซ้ำซ้ำ..ซากซาก..ลำบากจังเลย
ความสุขเจ้าเอย..ไร้แล้งแห้งใจ

8/28/07

อาจไม่มีวันนั้น...วันที่ฉันเขียนกวี

พรุ่งนี้ฉันอาจเขียนบทกวี
เรียงร้อยถ้อยวลีที่อ่อนหวาน
บอกเล่าถึงสัจจะอันยาวนาน
เรียกกล่าวขานชี้ชัดปรัชญา

พรุ่งนี้ฉันอาจเขียนบทกวี
บอกสิ่งที่ชีวีเสาะค้นหา
การตัดให้ลุล่วงบ่วงกรรมา
คำสอนแห่งศาสดาพุทธธรรม

วันนี้...ฉันไม่อาจเขียนบทกวี
เพราะความรู้ที่มียังต้อยต่ำ
สิ่งที่เขียนที่นึกต้องลึกล้ำ
จึงสามารถใช้คำว่ากวี

กวีต้องยกระดับแห่งจิตใจ
กวีต้องเข้าใจในวิถึ
บทกวีต้องดำรงค่าคงมี
แม้ว่าตัวกวีจะวายปราณ

เหนื่อยจัง...คำจำกัดความ
ขอบเขตแห่งนิยามมหาศาล
กว่าพากเพียรฝีกฝนสร้างผลงาน
ให้ได้รับการกล่าวขานว่ากวี

บทกวี..ไกลมือพ้นอยู่บนหิ้ง
บอกความจริงเป็นไปในวิถี
แต่มิอาจสัมผัสได้...ค่าใดมี
แค่ตำราพันปีให้บูชา

จึงสมัครใจเพียงคนเรียงคำ
ทุกบทเขียนนั้นทำตามปรารถนา
เพียงคิดเห็นสำนึกรู้สึกมา
แม้ใครมองไม่เห็นค่าไม่ใส่ใจ

วันนี้...ขอเพียงได้เรียงคำ
พรุ่งนี้..ขอได้ทำตามฝันใฝ่
แต่มั่นใจล้นเหลือ..เมื่อวันใด
แหละวันนั้นฉันคงได้เขียนกวี

....หรืออาจไม่มีวันนั้น
...วันที่ฉันเขียนกวี.......

8/27/07

ผีเพ่นพ่าน

ผองผีเพ่นพ่าน..หาศาลอยู่
หลังแยกแตกพรั่งพรูจากศาลเก่า
มีชายใส่หน้ากากหลบฉากเงา
คอยต่อท่อน้ำเข้า...หล่อเลี้ยงปัน

ตั้งกลุ่มก้อนการเมืองนอมินี
กลับมาใหญ่อีกที..สิ่งที่ฝัน
ป้องผิดปิดพลาดแคล้วคลาดพลัน
หวังอิ่มหมีพีมัน..กันเปรมปรีดิ์

อุดมการณ์..นโยบายเร่ขายฝัน
ความตั้งใจมุ่งมั่นใช่วิถี
เพียงรายได้ก้อนโตโสเภณี
ใครจ่ายค่าตัวดีก็เดินตาม

ก็แล้ว....ประชาธิปไตย
มีอะไรให้หวังตั้งคำถาม
ความเปลี่ยนแปลงผ่านมาพยายาม
แก้วังวนเสื่อมทราม...แห่งการเมือง

แต่มีเพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่
ที่ดาหน้ารอให้เลือกต่อเนื่อง
รัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปก็เปล่าเปลือง
หากทุกเรื่องเบื้องหลัง...ยังเป็นไป

ความเย้ายวนหวานล้ำของอำนาจ
ผลประโยขน์ที่คาดว่าจะได้
ยังไม่กลบผิดเพลี่ยงพล้ำเคยทำไว้
ทั้งหมดคือปัจจัยให้ดิ้นรน

ผองผียังเพ่นพ่านหาศาลใหม่
ยังต่อรองตัดสินใจประโยชน์ผล
โปรยคำหวานหว่านเอื้อเพื่อมวลชน
รักชาติจน..น้ำลายหยด..รันทดจัง

อยากให้มีหมอผีที่ชาญเชี่ยว
มาขับเคี่ยวไล่ผีอย่างที่หวัง
ก่อนทุกข์เก่าซ้ำซ้อนย้อนประดัง
โม่งคนนั้นกลับหลังคืนรังเรือน

8/25/07

ไอติม...กริ๊ง..แกร๊ง

กริ๊ง...กริ๊ง...
กระดิ่งไอติม
เร้ว..เร้ว..มาชิม
ไอติมหวานเย็นชื่นใจ

ตู้แช่สี่เหลี่ยม
เต็มเปี่ยม...เร็วไว
กะทิ..ถั่วดำ..ลำใย
ชอบรสไหน...เลือกมา

แกร๊ง...แกร๊ง
ไอติมแท่งกำลังมา
มีแค่เพียงเหรียญห้า
ก็ซื้อหาได้ดังใจ

เดิน..เดิน..
เห็นเด็กถือเงินผ่านไป
เด็กกำลังรออะไร
ทำไม..ไม่ซื้อไอติม

คุณหนูอ้อนแม่จ๋า
แม่บอกว่าจะพาไปชิม
เมื่อไรจะไปลองลิ้ม
ไอติมยี่ห้อดัง...ซะที

ไอติมซาเว้นเส้น
ไม่ใช่รถเข็นแบบนี้
แห่กันแดก..ก็ดี๊ดี
ไอ้เบ้อรี่ก็เข้าทาง

ถ้วยละไม่เห็นแพง
เกือบใบแดง ๆ แผ่นบาง ๆ
ตอนนี้หากแม่ว่าง
ช่วยวางแผน..พาหนูไปที

เด็กผอมมอมแมมพุงโร
ทำตาโตด้วยความยินดี
ไอติมเข็นมาทางนี้
แต่ทำไงดีหนูไม่มีตังค์

หนึ่งแท่งตั้งหลายเหรียญ
หนูวนเวียนขอดัวยความหวัง
แม่เอ็ดตะโรเสียงดัง
อย่าร้องไห้รุงรัง
..สตุ้งค์สตางค์ยิ่งไม่ค่อยมี

กริง..กริ๊ง
ทำไมเงียบจริงวันนี้
เดินมาร้อนดิ้นแทบสิ้นชีวี
ซ้ำยังขายไม่ดีน่าระอา

แกร๊ง...แกร๊ง
ไอติมแท่งกำลังมา
มีแค่เพียงเหรียญห้า
ก็ซื้อหาได้ดังใจ

กริ๊ง..กริ๊ง..แกร๊ง...แกร๊ง

8/22/07

วิ่ง..วอด..ว่าง



ชีวิตก้าวไปข้างหน้า
รวดเร้ว
ผ่านขั้นบรรยากาศ
สันดาป...ประกายไฟ
เร่าร้อน...ทำลาย
ลุกไหม้...หมดสิ้น
...เปล่าว่าง

ขยะชีวิต



บนเส้นทางเดินของชีวิต
มีบางอย่างที่เราต้องละทิ้ง
และมีบางอย่างที่เราจะนำติดไป

บางสิ่งที่ตัดสินใจ.."ทิ้ง"
หรือหลงลืม
อาจเป็นของที่มีราตา
แต่ไม่มีค่าาอะไร

บางอย่างที่ตัดสินใจ..."เก็บ"
อาจไม่มีราคาเลย

ช่วงที่ผ่านมาใช้เวลาอยู่กับการเก็บงำ
ของบางสิ่งที่ค้นพบ
มีร่องรอยของความทรงจำในวันก่อน
บัตรอวยพรใบน้อย ๆ
ของขวัญชิ้นนิด ๆ
ถ้อยคำที่เคยบางคนเขียนไว้ให้
รูปถ่ายในวันที่มีรอยยิ้มเต็มดวงตา
หากจะถามถึงราคา...คงหาไม่ได้
แต่หากถามถึงค่า
บอกได้ว่าไม่มีอะไรมาทดแทน

บางคนอาจเรียกขานสิ่งเหล่านี้ว่า
ขยะรก ๆ
แต่ฉันพอใจที่จะเรียกว่า
สมบัติรัก ๆ

สิ่งของมีราคาบางชิ้น
วันนี้ไม่รู้ว่าหายไปอยุ่ที่ไหน
แต่ถามว่าจำเป็นหรือไม่
เพราะในแต่ละวันที่ผ่านเลย
เราไม่เคยต้องการมัน

บางคนอาจเรียกขานสิ่งเหล่านี้ว่า
สมบัติมีค่า
แต่ฉันพอใจที่จะเรียกว่า
ขยะมีราคา

สมบัติ หริอ ขยะ ขึ้นอยู่กับว่า
ความมีค่าต่อจิตใจ

8/21/07
























เรื่อย..เรื่อย..เอื่อย..เอื่อย..ไหล
ล่องลอยไปตามลำธาร
ใจเราก็เบิกบาน
รื่นสราญ..อารมณ์กัน

จิ๊บ..จิ๊บ..นกขับขาน
เพลงแว่วหวาน..วิมานฝัน
ทิวทัศน์ทุกสิ่งนั้น
ดุจสวรรค์..บนแดนดิน

ลมพัดฉิว..ฉิวเฉื่อย
แพไหลเรื่อยสู่แดนจินต์
เบิกบานพักชีวิน
กระแสสินธุ์อันรื่นรมย์

ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้
โอกาสมีภิรมย์ชม
หรือจะกลับกลายขม
สุขสะสมอารมณ์เพลิน

8/20/07

เชิญ...เข้ามา

ฉันกำลังรอ
การมาของเธอ
แม้นว่าฉันไม่อยากเจอ

ฉันรู้ดึ
ว่าเวลานี้ต้องมีเสมอ
เวลาที่เธอมาเยี่ยมเยือน

แต่เอาเถอะ
ใจฉันพร้อมที่จะเปิดประตูรับ
ฉันไม่ยับยั้งเธออีกต่อไป

แต่...เธอจะมาเวลาไหน
ในยามสดใสของรุ่งเช้า
หรือยามเศร้าของค่ำคืน

ขอโอกาสให้ฉัน
ได้เป็นผู้เปิดประตูเชื้อเชิญ
ให้เธอเดินเข้ามา

ขอให้ฉันได้เตรียมน้ำตา
และได้สั่งลา...กับคนที่ผูกพัน
ก่อนจะไม่ได้พบกัน
ชั่วนิรันดร์กาล

ความพลัดพราก
...ช่วยเตือนฉัน
ก่อนถึงเวลานั้น...ได้ไหม

นกน้อยผู้แสวงหา


ปีกสอง..ของเจ้าล้า
บินเหินฟ้ามาเนิ่นนาน
จุดหมายมิพบพาน
ฤาชั่วกาลต้องบินไป


เหนื่อยนักอยากพักปีก
บินหลบหลีกจนอ่อนไหว
เหงานักอยากพักใจ
มี่ที่ใดให้สร้างรัง


หรือว่าสุดฟ้ากว้าง
ไม่มีทางได้ดังหวัง
อ่อนล้าพะว้าพะวัง
แต่เจ้ายังจะบินไป

เย็นนัก..ก็พักนอน
พเนจรร่อนเร่ใจ
มองหาต้นไม้ใด
พอเกาะได้พึ่งพักพา

ค่ำคืนฟ้ามีจันทร์
เป็นเพื่อนกับดารา
หนึ่งนกเพียงเอกา
เฝ้ามองหาเพื่อนไม่มี

หรือเจ้าจะลองบิน
ผกโผผินค่ำคืนนี้
บินสูงให้เต็มที่
อาจจะมีดาวสักดวง

กระพือสองปิกบาง
บนเส้นทางสู่แดนสรวง
ยิ่งสูงยิ่งเปล่ากลวง
เยือกเย็นทรวงยิ่งเดียวดาย

ปีกสองเจ้ายิ่งล้า
เมื่อมองหา..แสงดาวพราย
ยิ่งบินยิ่งอันตราย
รอบรอบกายแสนมืดมน

ปักเจ้าไร้แรงบิน
มืดบอดสิ้นไม่เห็นหน
เหนือยล้าเกินทานทน
จึงร่วงหล่น..สื่นลมปราณ

แสงเดือนส่องเลือนลาง
อาบไล้ร่างปราศวิญญาณ
นกน้อยจากวันวาน
ปิดตำนาน..การโบยบิน .....

8/17/07

อหังการ์....แตกแยก

อหังการ์ผู้คน
ยกตัวยึดตนเป็นใหญ่
ใดกั้นขวางหน้า..ถอยไป
ใครไม่มีเก่งเกินกู
ความคิดกูต้อง..คือ..ใช่
แตกต่าง...ถอยไป..ข่มขู่
อย่ามาพร่ำบ่น..หนวกหู
ก้องกู่กัมปนาท..ลำพอง
ดังเช่นสิงห์โตเจ้าป่า
เด่นดังทำท่าผยอง
สองตาแคลงเคลือบเหลือบมอง
กู่ร้อง..ตะคอก..ดุดัน
ไม่เชื่อไม่ใช่พลพรรค
ต้องหนัก..ต้องตี..ต้องกั้น
ผู้คนแบ่งแยกแตกกัน
เพราะความยึดมั่นมุมตน
ประชาธิปไตย
คือ..ยอมรับในเหตุผล
แตกต่างระหว่างผู้คน
ใช่ประท้วงกันจนวุ่นวาย
นั่นพวกเขา..นี่พวกเรา
มัวเมาจนน่าใจหาย
สัมพันธ์ในชาติกลับกลาย
คล้าย ๆ ใช่ร่วมเผ่าพันธุ์
นี่เผ่าพรรคชั่วขั้วเก่า
นั่นเผ่ายึดอำนาจโมหันต์
แตกต่างทางใครทางมัน
หนทางข้างหน้านั้น...มืดมน

8/14/07

ดาวแห่งฝัน


ความหวังที่แอบซ่อนเก็บ
ค่ำคืนหนาวเหน็บสายลม
ทะเลดาวสุกสกาว...ชม
คลี่ห่มผืนฟ้า..โอบเรา

เฝ้ารอดาวตก..หล่นร่วง
เมื่ออยู่ในห้วงคืนเหงา
เร้นกายซ่อนอยู่ในเงา
เนิ่นเนา...รอคอย..เรื่อยมา

แต่ละคืน..แต่ละวัน
ไม่บรรลุแห่งฝันปรารถนา
ค่อยเคลื่อนค่อยผ่านกาลเวลา
บนความชินชาแห่งใจ

ดวงดาวยังคงอยู่ห่าง
แม้บางครั้งเหมือนอยู่ใกล้
แต่ครั้นยื่นมือออกไป
กลับคว้ากลับไขว่ไม่เจอ

แต่หวังเอื้อมถึงซึ่งดาว
ยังเพริดพร่างพราวเสมอ
แม้เป็นเช่นฝันละเมอ
แต่ยังจะเพ้อเรื่อยไป

ระหว่างฝันและความจริง
อาจยังเป็นสิ่งสงสัย
จะยึดจะเหนี่ยวสิ่งใด
ใจยังตอบใจไม่ได้สักที

ความหวังแม้อาจเลือนลาง
ไม่เคยสว่างวืถี
ยอมทนเพื่อหวังทั้งชีวี
แม้ไม่มีดาวใด...ให้รอ

8/9/07

ไปรถไฟด้วยกันนะ ....



รวมกันหน้าสถานี
เหลือไม่กี่นาทีนะผองเพื่อน
ก๊องแก๊ง..ก๊องแก๊งดังระฆังเตือน
รภไฟเคลื่อนขบวนผ่านชานชลา

หลายโบกี้พันพัวเป็นตัวหนอน
บดเอียดบนไม้หมอน..ไปข้างหน้า
ปู๊น..ปู๊น..แว่วยินฟังดังคำลา
ฉึกกะชัก..ไม่รอช้า..วิ่งไปพลัน

ลัดเลาะผ่านป่าเขาลำนำไพร
ผ่านไม้ใหญ่แข่งออกดอกสีสีน
โยนความเศร้าทิ้งไปไกลชีวัน
ดูสินั่น..น้ำใสไหล..รินริน

รถไฟสายแห่งความรัก
เสียงปู๊น..ปู๊น..ฉึกกะฉัก..ไม่รู้สิ้น
ดังสำเนียงเพลงร้องทำนองชิน
ฉากหนึ่งแห่งชีวินนักเดินทาง

มอง..สิ..มองเห็นฟ้าว่าสีฟ้า
สายธารา..ค้องแดดยิบ..พริบพรายพร่าง
แสงส่องลอดต้นไม้กิ่งใบบาง
ให้ร่มเงาเลือนลาง..มหัศจรรย์

รถไฟสายนี้.................
จอดปลายทางสถานีแห่งความฝัน
สำรวจสัมภาระครบ..พบพร้อมพลัน
แล้วก้าวสู่เมืองหฤหรรษ์..ในทันใด

คนเรียงคำ ...(ฉันไม่ใช่กวี)

ฉันเป็นแค่คนเขียนคำ
อาจไม่ลึกล้ำ...อ่อนด้อย
สัจจะ..สื่อแฝงอาจน้อย
แค่เพียงเรียงถ้อยเป็นลำนำ

ฉันเป็นแค่คนร้อยอักษร
ถ้อยคำอาจไม่ซับซ้อนดื่มด่ำ
ความหมายอาจไม่ลึกล้ำ
เป็นแค่คนเรียงคำตามใจ

อย่าเรียกฉันว่า..กวี
เพียงแค่คนมีอารมณ์อ่อนไหว
เพียงประสบพบ"ความรู้สีก" ใด
เรียงร้อยหลั่งไหลให้เห็นเป็น "งาน"

อย่าเรียกสิ่งที่ฉันเขียนว่า "บทกวี"
มันไม่ได้มีค่ามหาศาล
เป็นแค่เรื่องเรื่อยไหลตามใจต้องการ
จริง..เท็จ..สวย..ขม..อ่อนหวาน
อาจหลงทางบ้าง..ช่างมัน

ไม่อยากอยู่บนหิ้ง
ถูกทอดทิ้งอยู่กับความฝัน
เป็นปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น
โปรดอย่าเรียกฉันว่า "กวี"


คำเรียงนี้ เขียนเพราะรู้สึกว่า คนต่างพากันคาดหวังในกวี และ บทกวี เหลือเกิน
บทกวีต้องสะท้อนอะไรต่อมิอะไร บทกวีต้องเป็นสัจจะอันนิรันดร์
กวีตายแต่บทกวีไม่ตาย
สำหรับใคร ๆ บทกวีอาจสูงส่ง ทำไมใคร ๆ ค่างพากันเอาความคาดหวังมาไว้บนบ่ากวี
ในขณะที่คนเขียนรูปแบบอื่น สามารถจับได้ทุกเรื่อง ทุกมุม
บทกวีบทนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ใครจะชมชอบ หรือ ติเตียน ในผลงานของฉัน
เพราะไม่มีใครว่าอะไรให้สะเทือนใจ หรือ น้อยใจใด ๆ เลย
เพียงแตรู้สึกว่า ทำไมสังคมชอบเอาความคาดหวังมาไว้บนบ่ากวี
ฉันขี้เกียจแบก .... ดังนั้น ฉันจึงเป็นแค่คนเรียงคำ ....
...ฉันเป็นเพียง คนเรียงคำเท่านั้นเอง

8/6/07

กล้าก้าว...ตามฝัน



วันวานใช่เตรื่องวัด
ขีดจำกัดชีวิตตน
พลาดพลั้งเพียงครั้งหน
ทนทุกข์หนักเขาปรักปรำ

วันวานที่ผ่านมา
นั้นมีค่าแค่ทรงจำ
มีไว้เพื่อเตือนย้ำ
ไม่เพลี่ยงพล้ำซ้ำรอยเดิม

วันนี้สิสำคัญ
จะสร้างสรรและส่งเสริม
ข้อพร่องต้องต่อเติม
เพิ่มสิ่งดีแก่ชีวา

วันนี้เรามีสิทธิ์
มุ่งมั่นคิดใฝ่ฝันหา
แก้ไขให้ดีกว่า
สิ่งผ่านมาเมื่อวันวาน

พรุ่งนี้คงสดใส
หากเราได้วางรากฐาน
รอบคอยกอร์ปกิจการ
ก่อสะพานสู่ดวงดาว

พรุ่งนี้ยังมีหวัง
หนทางยังอีกไกลยาว
จงกล้าและจงก้าว
เดินตามฝันอย่างมั่นใจ

*** วันนี้เลือกของที่จะทิ้งและพบบทนี้อยู่ในสมุดบันทึก จึงนำมาเผยแพร่ก่อนหายไปกับกองขยะ


เทา ๆ ..ไม่ขาวไม่ดำ



หากเป็นดำ..ก็ให้เห็นว่าเป็นดำ
อย่าแกล้งทำอำพรางอย่างเป็นขาว
คิดอย่างไร..แสดง..แจงเรื่องราว
ตรรกะอันนานยาวในใจคน

อย่าปนขาว..ปนดำ..ทำเป็นเทา
ผสมหลอมรวมเข้าจนสับสน
ลืมจุดยืนจุดคิดชีวิตตน
พร้อมสับปลับปลอมปนจนวุ่นวาย

อดีตเคยยึดหลักการทางด้านขวา
ล่วงเวลากลับลืมไปน่าใจหาย
มาร่วมวงศ์กิจกรรมทำวุ่นวาย
ร่วมกับคนคิดแนวซ้ายได้ไงกัน

นักการเมือง..นักการเมือง..นักการเมือง
ฟังคำพูดเปล่าเปลืองไม่สร้างสรรค์
ถึอประโยชน์ที่เห็นเป็นสำคัญ
ชาติช่างมัน..ไม่นึกกลัว..ช่างหัวมัน


ดวงจิตไร้รัก (โคลงกลบท)



ดวงจิตไร้รักแล้ว                จึงจร
จิตแอบคิดยอกย้อน            ซ่อนชู้
ไร้ชื่นขี่นซ้ำซ้อน                แปรเปลี่ยน
รักเล่ห์ยากหยั่งรู้                 ยากแท้ใจรัก

ยากจักเรียนเร่งรู้                 เรื่องใจ
จักเล่าเรียนเท่าไร               ไป่แจ้ง
เรียนแล้วยิ่งห่างไกล            กระจ่าง
เร่งนักรักยิ่งแกล้ง                ซับซ้อนวุ่นวาย

ไม่ง่ายคร่ำเคร่งค้น                เรื่องราว
ง่ายพลาดง่ายปวดร้าว   หม่นเศร้า
คร่ำครวญฤทัยหนาว   ครวญคร่ำ
เคร่งเครียดทุกค่ำเช้า   รักร้อนเร้าเร่ง

ใครเก่งลองรักมั้ย                 ลองดู
เก่งประสบการณ์รู้                เริ่มสร้าง
ลองผิดเพื่อเป็นครู               สอนสั่ง
รักชื่นรักช้ำบ้าง                   เรื่องนี้ธรรมดา

ดวงจิตไร้รัก
ยากจักเรียนเร่ง
ไม่ง่ายคร่ำเคร่ง
ใครเก่งลองรัก


ยากชะมัด   อุ๊ย!



ฝันง่าย...โลกงาม



ความฝันสีโศก
ในโลกสีเทา
ค่ำคืนแสนเศร้า
วันเหงายาวนาน

ความฝันสีเศร้า
โลกเทาร้าวราน
ค่ำคืนทรมาน
วันวารทุกข์ทน

ความฝันสีเหงา
โลกเฉาหมองหม่น
ค่ำคืน..สับสน
วันวนวุ่นวาย

เลิกฝัน..เลิกคิด
ยึดติดมากมาย
มุมมองง่าย ๆ
สบายใจดี

หวังมาก..ทุกข์มาก
ลำบากวิถี
พอใจที่มี
ชีวีพอเพียง

ฝันแค่งามงด
ละลดความเสี่ยง
บนโลกเอียงเอียง
ละเลี่ยงทุกข์ใจ

ความฝันสีสุข
ปลุกโลกสดใส
คืนวัน...ผ่านไป
ไม่ยึดผูกพัน

ความฝันง่าย ๆ
สบาย ๆ สุขสันต์
มอบรักให้กัน
โลกพลันงดงาม 

 ยิ้ม   ยิ้ม


ดนตรี...พฤกษ์ไพร



ต้นไผ่บรรเลง
เสียงเพลงเสียดสี
ทำนองดนตรี
เอียดอี้...อี๋...ออ

อี๋..ออ..ล้อไหว
เอนไกวตามลม
ลำนำผสม
รื่มรมย์..พฤกษ์เพลง

พฤกษ์เพลงดนตรี
ลีลาต้นใบ
พลิกพลิ้วขยับไหว
เรียงไล่ลำนำ

ลำนำธรรมชาติ
ปลาศมายา
พิสุทธิ์ล้ำค่า
พาใจ..นิ่งเย็น

นิ่งเย็น..เพลินฟัง
ภวังค์วังเวง
ทำนองบรรเลง
บทเพลงต้นไผ่


ฝนน้ำตา


เหม่อมองดูสายฝน
ร่วงหล่นเป็นสายสาย
ดุจน้ำตาคนเดียวดาย
ที่แหวกว่ายความคำนึง

มินานฝนคงหาย
แต่มิคลายตือติดถึง
ฝนในใจใครคนหนี่ง
ซึ่งตกไร้ฤดูกาล

ฝนซาจากฟ้าแล้ว
นกเจื้อยแจ้วแว่วขับขาน
ดอกไม้เริ่มผลิบาน
หลังผ่านพ้นฝนสั่งลา

แต่เศร้ายังเนาใจ
นานเท่าไรจึงสร่างซา
ซ้ำ...ซ้ำฝนน้ำตา
ทุกทุกคราที่คิดถึง

โลกของฉัน

หนังสือเรียนบทแรก..ถึงบทสุดท้าย
มันไม่มีบทไหนง่ายใช่ไหมหนอ
ต้องศึกษาฝีกฝนค้นให้พอ
ก่อนจะอ่านไปต่ออย่างมั่นใจ

หนังสือบางเล่ม..อาจซับซ้อน
ดูสิ..แอบกลซ่อนที่ตรงไหน
หรือมีคำเฉลยใครเคยไว้
อาจเข้าใจไวกว่าค้นหาเอง

หนังสือบางเล่ม.อาจยากเกิน
ประเมิน..เป้าประสงค์ได้ตรงเผง
แนวไม่ตรงตามจิตอย่าคิดเกรง
เลิกคร่ำเคร่งเร่งอ่าน..ทรมานไป

เลือกเพียงบางเรื่องบางบท
ที่แทนทดคำถามในดวงใจได้
อ่านละเอียด..ฝึกเฝ้า..จนเข้าใจ
แล้วเลือกไปเติมใจ..ได้ทันที

หนังสือ...บางเล่ม..บางตอน
ให้อารมณ์ร้าวรอนได้เต็มที่
อ่านแล้วโศก..สิ้นหวังทั้งชีวี
เหมือนวิถี..ทั้งมวลล้วนตีบตัน

บางเล่ม..อ่านแล้วรู้สึกดี
เหมือนโลกนี้นั้นมีแต่สุขสันต์
ลืมความหม่นหมองมัวชั่วนิรันดร์
เชิญเถอะ.เชิญสัมผัสกันให้พอใจ

บางเล่มพาเราออกเดินทาง
ไปสู่ดาวพราวพร่างสว่างไสว
ไปสู่การค้นหาโลกภายใน
ไปเรียนรู้สิ่งยิ่งใหญ่รอบรอบกาย

หนังสือ..ปกแข็ง..ปกอ่อน
สายโซ่แห่งอักษรเรียงซ้อนสาย
มีความลับ..ความรู้อยู่มากมาย
สุขทุกข์อันหลากหลาย..ก็เช่นกัน

หบิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง...
ปล่อยความคิดคะนึง..ให้สร้างสรรค์
ลืมทุกสิ่งสับสน..ผ่านพ้นพลัน
แล้วสัมผัส.."โลกของฉัน"..ในทันใด

สองตายายบนดวงจันทร์ (ส่องหล้า)


สองตายายสุขสำราญในบ้านใหญ่
แต่เหตุใด..ดวงกมลกลับหม่นหมอง
มีสินทรัพย์คาดไม่ถึง..ตลึงมอง
ทำงานได้เงินทองกองมากมาย

สองตายายทำงานไม่นานนัก
อาศัยหลักเจือจาน'ท่าน'ทั้งหลาย
จนได้สิทธิ์สัมปทานงานสบาย
วางเครือข่ายสื่อสารเต็มบ้านเมือง

สองตายายเบื่อขอเบื่อง้องอน
ต้องอ้อนวอนเอาใจไปทุกเรื่อง
เงินใส่ซอง..หนักหนัก..นักการเมือง
จึงฝันเฟื่องอยากเป็นใหญ่ในนาคร

สองตายายตั้งพรรค..ไผฮักไผ
มีกองทุนก้อนใหญ่ให้เบิกถอน
นโยบายโฆษณาเอื่ออาทร
ใครใจอ่อน..หลงเพ้อ..ละเมอนิยม

สองตายายได้ดั่งที่หวังคิด
มีอำนาจนิรมิตประสงค์สม
ทำโครงการยอกย้อนแอบซ่อนปม
เพื่อระดมเงินก้อนมาถอนทุน

สองตายายหม่ำเพลินเกินไปหน่อย
คนไม่น้อยรู้เท่าทันจิตหันหุน
จึงต้องเกิดเหตุการณ์ชุลมุน
เขาประท้วงกันวุ่นไปทั้งแดน

สองตายายถูกยึดอำนาจสิ้น
ต้องไปอยู่แดนดินที่ไกลแสน
เป็นเหตุการณ์วิกฤติเกินคิด"แปลน"
ยายจึงแค้น...ตาจึงคลั่ง..ไปทั้งใจ

สองตายายสับสนกระวนกระวาย
มีเงินทองมากมายขนาดไหน
แต่ความทุกข์รนร้อนดังฟอนไฟ
ยังคงลุกเผาไหม้ใจทุกวัน

สองตายายอยู่ต่างแดนแสนเงียบเหงา
ไม่อาจ...คืนสู่เหย้า..ใจโศกศัลย์
จึงไปซื้อที่สิงสู่อยู่ดวงจันทร์
เป็นตำนานคู่ขวัญตากะยาย