11/22/07

แสงเรืองในเมืองหม่น

แสงไฟเรื่อเรืองเมืองใหญ่
รถราขวักไขว่ในถนน
ดุ่มเดินเคล้าคละปะปน
จุดหมายแต่ละคนที่ใด

พ่อ
...ในผับดนตรีเบาเบา
แก้วเหล้าบางบางวางใกล้
สาวอ้อนคลอเคล้าเอาใจ
เสี่ยใหญ่กระเป๋าหนักควักตังค์

ลูกชาย
...วูบวาบวิบวิบพริบพร่าง
โยกร่างเต้นส่ายคล้ายคลั่ง
ดนตรีบรรเลงเพลงดัง
มันส์จัง..ขยับแข้ง..แร้งกา

ลูกสาว
....ปาร์ตี้ยาไอซ์ยาอี
ลูกหลานเศรษฐีมากหน้า
คบคนมีระดับอัพยา
สุมหัวเฮฮาประจำ

พ่อ
...สินค้าเรียงรายยืนอวด
คนขี้เมื่อยปวดคลาคล่ำ
ชี้เลือกนวดเน้นเคล้นคลำ
ขยี้ขยำตามใจ

ลูกชาย
...จับกลุ่มรุมหน้าทีวี
บอลแมทซ์นัดนี้เท่าไหร่
วิเคราะห์เลือกข้างอย่างไร
ครึ่งควบได้ไหม..ต่อรอง

ลูกสาว...
เสพย์ยาคลอเคล้าเมามาย
เปลือยกายยั่วเย้าเราสอง
กามาร่ายรำทำนอง
ทดลองแลกมิตรชิดชม

แม่
เข้าบ่อนลองเสี่ยง...อีกครั้ง
ความหวังตั้งไว้ใกล้สม
แทงผิดเเฉียดฉิวหวิวตรม
หนี้ท่วมทับถมบานปลาย

แสงไฟเรื่อเรืองเมืองหม่น
วิถีผู้คนทั้งหลาย
มืดม่านบ้านเปลี่ยวเดียวดาย
รอเช้าตะวันฉาย..มาเยือน

11/13/07

ที่นี่มีรัก (เรื่องของต้นไผ่)

ใคร ๆ มักบอกว่ากรุงเทพมักเป็นดินแดนที่ผู้คนไม่มีน้ำใจมอบให้แก่กัน แม้กระทั่งบ้านใกล้เรือนคียงก็ยังไม่รู้จักกัน แต่คำกล่าวนั้นอาจใช้ไม่ได้กับหมู่บ้านแห่งนี้ หรืออาจเป็นเพราะบางทีพวกเราทั้งหลายล้วนมีพื้นเพมาจากต่างจังหวัด นิสัยและความมีน้ำใจให้แก่กันแบบสังคมไทยดั้งเดิมจึงติดตัวมาอยู่

บ้านฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับบ้านแม่มดเป็นบ้านของน้าหนู วิศวกรสาวชาวใต้ผู้มีกิจการร้านขายวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าบ้านน้าหนูฐานะดีแน่นอน น้าหนูเป็นน้าที่ใจดีสำหรับเด็ก ๆ แถบนั้น วันดีคืนดีก็จับเด็ก ๆ นั่งรถไปเที่ยว หรือ ไม่ก็หาขนมหรือของโปรดมาให้อยู่เป็นประจำ ความสัมพันธ์ระหว่างน้าหนูและเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ชื่อเด็กชายต้นไผ่จึงราบรื่นและเป็นไปด้วยดีเสมอมา หากไม่มีเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น


อ่านต่อ

11/12/07

แววเศรษฐี

พี่ไผ่เป็นพี่ชายอายุสิบขวบน้องมิ้ม แต่ทางเดินของพี่น้องคู่นี้มักไม่ไปด้วยกัน เพราะพี่ไผ่มีแก๊งหนุ่มน้อยรุ่นเดียวกันสี่ห้าคน เล่นกันได้สะใจกว่าเล่นกับเจ้าตัวจ้อย ยกเว้นแต่เวลาที่ต้องไปอาบน้ำหรือขึ้นนอนที่ชั้นบนเท่านั้นแหละ ที่พี่ไผ่จะมาใยดีออดอ้อนหนูมิ้ม เพราะพี่ไผ่น่ะกลัวผีขนาดหนัก

อ่านต่อ

11/9/07

ไฟในดวงตา




ไฟแห่งความฝันกำลังลุกโชน
....ในดวงตาของเธอ
และในวันวาน
...มันก็เคยลุกโชน
...ในดวงตาของฉัน
แรงเสียดทานของวันเวลา
กระแสต้านแห่งการอยู่รอด
กระแสเชี่ยวกรากแห่งสุขนิยม
ได้ช่วยกันดับไฟในดวงตา
ดับฝันในดวงใจ...
แต่ฉันยังคงดีใจ
ที่ได้มองเห็น
ไฟแห่งความฝัน...ในดวงตาของเธอ

11/6/07

ผิด ๆ ที่พบ (กระทู้ปลอบใจน้องตี๋)

ฟังน้องชานาน่าบ่นบ่อย ๆ เรื่องคนชอบเขียนผิด สะกดผิด (คนเขียนเองก็ผิดประจำ)
วันนี้เข้าไปค้นหาคำโดยใช้ Google แล้วบังเอิญเจอกระทู้บางกระทู้ของพันทิปเข้า
เลยนั่งหัวเราะคนเดียว ขำซะจนเพื่อนร่วมงานแปลกใจ ที่แน่ ๆ คือ หายปวดหัว หายง่วง
ไปเลย ลองอ่านดูซิ ขำขนาด

ผิด ๆ ที่พบ (กระทู้ปลอบใจน้องตี๋)

11/5/07

คนของโลก...ที่ไม่เท่า

เขาคือประชาชนของโลก
กำสรดโศกเงียบเหงาเศร้าหมอง
ไร้ซึ่งรากเหง้าเหย้าครอง
มิอาจเรียกร้องสิทธิ์ใด

ขุนเขาทะมึนเสียดฟ้า
สูงสุดเกินเอื้อมคว้าไขว่
แผ่นดินเวิ้งว้างกว้างไกล
แต่ไร้..สิทธิ...จับจอง

เศษซากประวัติศาสตร์
สิ้นชาติ...สิ้นเหง้าเผ่าผอง
สูญสิ้นพงศ์พันธุ์ครรลอง
วิถีชีวิตของปวงชน

ผู้แพ้ไม่มีที่ยืน...
บทเรียนขมขื่นหมองหม่น
สืบความหมองมัวหลายชั่วคน
ไร้ประเทศแห่งตนชัดเจน

ในน้ำยังคงมีปลา..
บนฟ้ามีนกให้เห็น
แต่"บ้าน"แห่งคนลำเค็ญ
นั้นเป็นเช่นฝันเลือนลาง

เขาคือผู้คนหม่นโศก
ที่เกิดบนโลกใหญ่กว้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างเคว้งคว้าง
หนทางแห่งเสรีมืดมน

ใครหนอกำหนดกฎเกณฑ์
ขีดเส้นแบ่งโลกสับสน
จัดสรรจำแนกแยกชน
ตีค่าผู้คนไม่เท่ากัน

เขาผู้มีโลกเป็นเหย้า
ซุกชีพใต้เงาแห่งฝัน
ในคืนหม่นมัวชั่วนิรันดร์
เพราะโลกไม่มีวัน...เท่าเทียม

แด่ชนกลุ่มน้อย..ผู้ไร้เหย้า..ไร้สัญชาติในทุกมุมของโลก

11/2/07

ดอกไม้...ร่วงแล้ว

ดอกไม้แห่งสันติ
แย้มผลิยังไม่ทันเบ่งบาน
หลังกระสุนสังหาร
แหลกราญร่วงโรย

ดอกไม้..ปลายปืน
ขมขื่นโหดระโหย
ชะตากรรมกระหน่ำโบย
เสียงครวญโอย..ไร้คนสนใจ

ผลไม้แห่งเสรี...
จุดหมายปลายทางที่ฝันใฝ่
ยังคงเลือนลางห่างไกล
คว้าเท่าไร...ไม่ได้เสียที

ตระหง่านชะเวดากอง
ทอดเงาหมองทาบทาทุกที่
ก่นโศกเศร้าอิระวดี
น้ำตารดแผ่นดินนี้...เนานาน

เสียงของมวลชน
ทุกข์ทนทดท้อ...ทรมาน
ฤาสู้เสียงตะโกนกู่กังวาน
การประสาน..
ประโยชน์พ้องต้องกัน

มนุษยธรรมน่ะหรือ
สิ่งที่พวกเขายึดถือ ?
...น่าขัน

ดอกไม้..นับร้อยนับพัน
ได้แต่รอวัน...สิ้นใจ

กลับบ้าน...

ยังหวังได้กลับถิ่นเก่า
ภาพเงาอดีตชัดฉาย
สถานที่..ผู้คน..มากมาย
ที่กลาย..เป็นเพียงตำนาน

ความรัก..ความผูกพัน
คืนวันเคยสุขสนุกสนาน
ความทุกข์หม่นเศร้าร้าวราน
ผันผ่าน...วารวันลับลา

คิดถึง..ผู้คนคุ้นเคย
จากเลยลับล่วงห่วงหา
ไม่ได้พบพานนานมา
หวนคิดทุกครา..อาลัย

สายน้ำสายเก่า....
นานเนาเคยได้อาศัย
กระแสสายธารผ่านไป
ไม่เคยรินไหลย้อนมา

ทุกภาพในความทรงจำ....
เก็บงำมุ่งมาดปรารถนา
อยากย้อนคืนบ้านอีกครา
ก่อนจากอำลาชั่วกาล

หญิงชรา...
เหม่อทอดสายตามองผ่าน
อีกนิด..อีกนิด..ไม่นาน
กลับบ้านเยือนเหย้าเฝ้ารอ