12/26/07

คำพูดฝากจากลุงโฮ..ถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใคร


สิ่งที่จากลากับสึนามิ

"กลับบ้านด้วย อยากคุยเรื่องที่ดิน” เสียงปลายสายที่พูดมาช่างคุ้นเคยยิ่งนัก

“ไม่ว่าง” ฉันตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิด เบื่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อเสียจริง ๆ

“ยังไง แกก็ต้องมา หากแกนับฉันเป็นพี่อยู่ ถ้าแกไม่มากเราขาดกัน” พี่สาวคนเดียวของฉันกระแทกเสียงตอบ ก่อนกดตัดสายทิ้งโดยไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง

ฉันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย นับตั้งแต่การจากไปของเตี่ยเมื่อหลายปีก่อน สัมพันธภาพในครอบครัวเราก็เริ่มคลอนแคลนลงทุกวัน มันคล้ายมีช่องว่างที่มองไม่เห็นมาแทรกกลางอยู่ระหว่างพวกเราพี่น้องทั้งสามคน ฉันมองเห็นภาพมะม่วงสามผลที่ติดอยู่ในช่อเดียวกัน ตราบใดที่ก้านยังอยู่ มะม่วงทั้งสามก็ยังคงเป็นพวงเดียวกัน แต่วันที่เตี่ยจากไปคล้ายเป็นการตัดก้านตัดขั้ว เราต่างเป็นผลมะม่วงที่หล่นแยกออกมาเป็นอิสระ ไม่มีแกนก้านกลางให้ประสานกันอีก คำขู่ของพี่ว่าหากไม่มาเราขาดกันคงไม่มีผลอันใดหรอกกระมัง เพราะตอนนี้เราก็เหมือนขาดกันอยู่แล้ว

อ่านต่อ

12/13/07

เลือกผู้แทนอีกแย้ว...เจ้าข้าเอ๊ย

กระจองงอง...กระจองงอง...เจ้าข้าเอ๊ย
อย่าละเลยเลือกผู้แทนกันเถิดหนา
เลือกคนดีเข้าไปในสภา
แทนประชาทั้งผองของคนไทย

"สวัสดีคร้าบ...พ่อแม่พี่น้อง"
ผมอยากกราบขอร้อง..ท่านได้ไหม
เพื่อรักษาประชาธิปไตย
โปรดจงเลือกผมเข้าไปในสภา

งบประมาณจะจัดส่งลงหมู่บ้าน
จะรักษาพยาบาลทั่วถ้วนหน้า
จะแจกเงินแจกทองผองประชา
จะช่วยซับน้ำตาประชาชน

ผมน่ะคนจริงใจรับใช้ชาติ
(แม้ประวัติไม่ค่อยสะอาด...อย่าไปสน)
เป็นตัวแทนโอบเอื้อเพื่อคนจน
(ที่เคยปล้นเศรษฐกิจมา...อย่าไปมอง)

ผมรักชาติจนน้ำลาย..เอ๊ย...น้ำตาไหล
จะเข้าไปจัดสรรประโยชน์ผอง
เพื่อตอบแทนความดีของพี่น้อง (ของใคร?)
(รักปรองดองจัดสรรแบ่งปันกิน)

ผมยึดมั่นอุดมการณ์...เป็นงานหลัก
(แต่ยุบพรรครวมกับใครก็ได้สิ้น)
กล่าวสาบานคำสัตย์ไว้ให้ได้ยิน
(แต่พลิกลิ้นพลิ้วทีท่าทุกนาที)

กระพ้มไม่เคยคิดซื้อเสียง
(ตอนแจกเลี่ยงหลบให้พ้นนะหนนี้)
กระพ้มเบอร์ ...... เตือนย้ำจำให้ดี
ท่านจะได้คนดี๊...ดีไปแทนตน

กระจองงอง...กระจองงอง...เจ้าข้าเอ๊ย
อย่าละเลยเลือกผู้แทนกันอีกหน
กี่ครั้งก็รวยเขา...เรายังจน
ฝืนทน..ทน..กันอีกทีเน้อพี่น้อง

12/12/07

เติม...ตัก

ทุกคนต่างฝันอยากมีชีวิตที่"เต็ม"
แต่ยากนักที่จักไปถึงฝัน
บางคนขาดเสียจนแห้งขอด
ในขณะที่บางคนเต็มจนล้นปรี่
....สำหรับคนที่ขาด
หายากที่จะมีใครช่วยเติมเต็ม
ในขณะที่เขากำลังได้รับการเติม
....เขากลับถูกบางคนแอบตักไป
ความฝันที่ชีวิตจะเต็ม
คงไกลเกินไปจริง ๆ

มีบทความงาม ๆ และ ภาพงาม ๆ ของ
สายน้ำพระจันทร์มาฝากค่ะ ประสบการณ์อย่างนี้
ที่บ้านแม่ลอทะ

และ แถมด้วยบทกวีของน้ำพี้นิดหน่อย....
คนของโลกที่ไม่เท่า

12/10/07

การเดินทางสู่ภายใน # ๑

ขณะกำลังก้าวเดิน
แต่ละก้าว…แต่ละก้าว
การก้าวที่แตกต่าง...
แตกต่างเพราะมุ่งมั่นรับรู้
ว่าในขณะนี้กำลังก้าว
แหงนมองท้องฟ้า
รู้ว่ามากมาย..ดวงดาว
บางดวงแสงเด่นพราว
บางดาวคล้ายซ่อนเร้น
....แม้ไม่เห็น..แต่คงมี
เรียนรู้บทเรียนดารา
สิ่งที่สัมผัสด้วย”ตา”
ไมใช่ทั้งหมดที่มี...
เรียนรู้บทเรียนจากบาทวิถี
ถึงวิธี...การเลือกก้าวเดิน
ใต้เต๊นท์น้ำค้างชุ่ม
ไร้ที่นอนนุ่ม...ละห่างเหิน
....ไร้ละ...สิ่งเพลิดเพลิน
จุดเริ่มต้น...แห่งการเดินทาง
........ภายใน.............

บันทึกบทที่หนึ่งแห่งการเดินทางสู่ภายใน กับการผ่อนคลายโดย ธรรม(ชาติ)
ที่สวนธรรม คำแสดริเวอร์แคว รีสอร์ท 3-5 ธันวาคม 2550

12/9/07

อีกนิดหนึ่ง...ก็ถึงเช้า (ฉบับเจ้าเล่ห์แสนกล)

ไอหมอกลอยล่องคว้าง รอบกาย
ไอกรุ่นลอยเรียงราย เกลื่อนล้อม
ไอปุยนุ่มขาวคล้าย ม่านคลี่
ไอฉ่ำละอองอ้อม (ปิดกั้น)กักกัน

ปล่อยฝันจิตใฝ่เคว้ง สู่ฝัน
ปล่อยโศกล่องลอยพลัน สู่ฟ้า
ปล่อยใจที่ยึดมั่น สู่ว่าง..วางใจ
ปล่อยทุกข์เหนื่อยอ่อนล้า (สู่ห้วง )ร่วงราน

ปวงมารจักผ่านพ้น ไม่นาน
ปวงทุกข์ที่พบพาน จบได้
ปวงสุขสดชื่นหวาน รอท่า
ปวงมืด..รอเถอะให้ ( รุ่งแล้ว ) หมอกจาง

แสงพร่างแต่งวาดฟ้า พราวพร่าง
แสงระบายพื้นนภางค์ ผ่องแผ้ว
แสงทองแห่งรุ่งราง ยิบยับ
แสงโชคิช่วงเพริศแพร้ว ( เจิดจ้า ) ตะวัน

ภาพฝันยังขัดแจ้ง แห่งฝัน
ภาพมืดม่านหมอกควัน โอบเข้า
ภาพมัวหม่นเลือนพลัน ใกล้รุ่ง
ภาพหมอกจางยามเช้า ( ไม่ช้า ) โปรดรอ

11/22/07

แสงเรืองในเมืองหม่น

แสงไฟเรื่อเรืองเมืองใหญ่
รถราขวักไขว่ในถนน
ดุ่มเดินเคล้าคละปะปน
จุดหมายแต่ละคนที่ใด

พ่อ
...ในผับดนตรีเบาเบา
แก้วเหล้าบางบางวางใกล้
สาวอ้อนคลอเคล้าเอาใจ
เสี่ยใหญ่กระเป๋าหนักควักตังค์

ลูกชาย
...วูบวาบวิบวิบพริบพร่าง
โยกร่างเต้นส่ายคล้ายคลั่ง
ดนตรีบรรเลงเพลงดัง
มันส์จัง..ขยับแข้ง..แร้งกา

ลูกสาว
....ปาร์ตี้ยาไอซ์ยาอี
ลูกหลานเศรษฐีมากหน้า
คบคนมีระดับอัพยา
สุมหัวเฮฮาประจำ

พ่อ
...สินค้าเรียงรายยืนอวด
คนขี้เมื่อยปวดคลาคล่ำ
ชี้เลือกนวดเน้นเคล้นคลำ
ขยี้ขยำตามใจ

ลูกชาย
...จับกลุ่มรุมหน้าทีวี
บอลแมทซ์นัดนี้เท่าไหร่
วิเคราะห์เลือกข้างอย่างไร
ครึ่งควบได้ไหม..ต่อรอง

ลูกสาว...
เสพย์ยาคลอเคล้าเมามาย
เปลือยกายยั่วเย้าเราสอง
กามาร่ายรำทำนอง
ทดลองแลกมิตรชิดชม

แม่
เข้าบ่อนลองเสี่ยง...อีกครั้ง
ความหวังตั้งไว้ใกล้สม
แทงผิดเเฉียดฉิวหวิวตรม
หนี้ท่วมทับถมบานปลาย

แสงไฟเรื่อเรืองเมืองหม่น
วิถีผู้คนทั้งหลาย
มืดม่านบ้านเปลี่ยวเดียวดาย
รอเช้าตะวันฉาย..มาเยือน

11/13/07

ที่นี่มีรัก (เรื่องของต้นไผ่)

ใคร ๆ มักบอกว่ากรุงเทพมักเป็นดินแดนที่ผู้คนไม่มีน้ำใจมอบให้แก่กัน แม้กระทั่งบ้านใกล้เรือนคียงก็ยังไม่รู้จักกัน แต่คำกล่าวนั้นอาจใช้ไม่ได้กับหมู่บ้านแห่งนี้ หรืออาจเป็นเพราะบางทีพวกเราทั้งหลายล้วนมีพื้นเพมาจากต่างจังหวัด นิสัยและความมีน้ำใจให้แก่กันแบบสังคมไทยดั้งเดิมจึงติดตัวมาอยู่

บ้านฝั่งตรงข้ามเยื้อง ๆ กับบ้านแม่มดเป็นบ้านของน้าหนู วิศวกรสาวชาวใต้ผู้มีกิจการร้านขายวัสดุก่อสร้าง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าบ้านน้าหนูฐานะดีแน่นอน น้าหนูเป็นน้าที่ใจดีสำหรับเด็ก ๆ แถบนั้น วันดีคืนดีก็จับเด็ก ๆ นั่งรถไปเที่ยว หรือ ไม่ก็หาขนมหรือของโปรดมาให้อยู่เป็นประจำ ความสัมพันธ์ระหว่างน้าหนูและเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่ชื่อเด็กชายต้นไผ่จึงราบรื่นและเป็นไปด้วยดีเสมอมา หากไม่มีเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้น


อ่านต่อ

11/12/07

แววเศรษฐี

พี่ไผ่เป็นพี่ชายอายุสิบขวบน้องมิ้ม แต่ทางเดินของพี่น้องคู่นี้มักไม่ไปด้วยกัน เพราะพี่ไผ่มีแก๊งหนุ่มน้อยรุ่นเดียวกันสี่ห้าคน เล่นกันได้สะใจกว่าเล่นกับเจ้าตัวจ้อย ยกเว้นแต่เวลาที่ต้องไปอาบน้ำหรือขึ้นนอนที่ชั้นบนเท่านั้นแหละ ที่พี่ไผ่จะมาใยดีออดอ้อนหนูมิ้ม เพราะพี่ไผ่น่ะกลัวผีขนาดหนัก

อ่านต่อ

11/9/07

ไฟในดวงตา




ไฟแห่งความฝันกำลังลุกโชน
....ในดวงตาของเธอ
และในวันวาน
...มันก็เคยลุกโชน
...ในดวงตาของฉัน
แรงเสียดทานของวันเวลา
กระแสต้านแห่งการอยู่รอด
กระแสเชี่ยวกรากแห่งสุขนิยม
ได้ช่วยกันดับไฟในดวงตา
ดับฝันในดวงใจ...
แต่ฉันยังคงดีใจ
ที่ได้มองเห็น
ไฟแห่งความฝัน...ในดวงตาของเธอ

11/6/07

ผิด ๆ ที่พบ (กระทู้ปลอบใจน้องตี๋)

ฟังน้องชานาน่าบ่นบ่อย ๆ เรื่องคนชอบเขียนผิด สะกดผิด (คนเขียนเองก็ผิดประจำ)
วันนี้เข้าไปค้นหาคำโดยใช้ Google แล้วบังเอิญเจอกระทู้บางกระทู้ของพันทิปเข้า
เลยนั่งหัวเราะคนเดียว ขำซะจนเพื่อนร่วมงานแปลกใจ ที่แน่ ๆ คือ หายปวดหัว หายง่วง
ไปเลย ลองอ่านดูซิ ขำขนาด

ผิด ๆ ที่พบ (กระทู้ปลอบใจน้องตี๋)

11/5/07

คนของโลก...ที่ไม่เท่า

เขาคือประชาชนของโลก
กำสรดโศกเงียบเหงาเศร้าหมอง
ไร้ซึ่งรากเหง้าเหย้าครอง
มิอาจเรียกร้องสิทธิ์ใด

ขุนเขาทะมึนเสียดฟ้า
สูงสุดเกินเอื้อมคว้าไขว่
แผ่นดินเวิ้งว้างกว้างไกล
แต่ไร้..สิทธิ...จับจอง

เศษซากประวัติศาสตร์
สิ้นชาติ...สิ้นเหง้าเผ่าผอง
สูญสิ้นพงศ์พันธุ์ครรลอง
วิถีชีวิตของปวงชน

ผู้แพ้ไม่มีที่ยืน...
บทเรียนขมขื่นหมองหม่น
สืบความหมองมัวหลายชั่วคน
ไร้ประเทศแห่งตนชัดเจน

ในน้ำยังคงมีปลา..
บนฟ้ามีนกให้เห็น
แต่"บ้าน"แห่งคนลำเค็ญ
นั้นเป็นเช่นฝันเลือนลาง

เขาคือผู้คนหม่นโศก
ที่เกิดบนโลกใหญ่กว้าง
ทุกสิ่งทุกอย่างเคว้งคว้าง
หนทางแห่งเสรีมืดมน

ใครหนอกำหนดกฎเกณฑ์
ขีดเส้นแบ่งโลกสับสน
จัดสรรจำแนกแยกชน
ตีค่าผู้คนไม่เท่ากัน

เขาผู้มีโลกเป็นเหย้า
ซุกชีพใต้เงาแห่งฝัน
ในคืนหม่นมัวชั่วนิรันดร์
เพราะโลกไม่มีวัน...เท่าเทียม

แด่ชนกลุ่มน้อย..ผู้ไร้เหย้า..ไร้สัญชาติในทุกมุมของโลก

11/2/07

ดอกไม้...ร่วงแล้ว

ดอกไม้แห่งสันติ
แย้มผลิยังไม่ทันเบ่งบาน
หลังกระสุนสังหาร
แหลกราญร่วงโรย

ดอกไม้..ปลายปืน
ขมขื่นโหดระโหย
ชะตากรรมกระหน่ำโบย
เสียงครวญโอย..ไร้คนสนใจ

ผลไม้แห่งเสรี...
จุดหมายปลายทางที่ฝันใฝ่
ยังคงเลือนลางห่างไกล
คว้าเท่าไร...ไม่ได้เสียที

ตระหง่านชะเวดากอง
ทอดเงาหมองทาบทาทุกที่
ก่นโศกเศร้าอิระวดี
น้ำตารดแผ่นดินนี้...เนานาน

เสียงของมวลชน
ทุกข์ทนทดท้อ...ทรมาน
ฤาสู้เสียงตะโกนกู่กังวาน
การประสาน..
ประโยชน์พ้องต้องกัน

มนุษยธรรมน่ะหรือ
สิ่งที่พวกเขายึดถือ ?
...น่าขัน

ดอกไม้..นับร้อยนับพัน
ได้แต่รอวัน...สิ้นใจ

กลับบ้าน...

ยังหวังได้กลับถิ่นเก่า
ภาพเงาอดีตชัดฉาย
สถานที่..ผู้คน..มากมาย
ที่กลาย..เป็นเพียงตำนาน

ความรัก..ความผูกพัน
คืนวันเคยสุขสนุกสนาน
ความทุกข์หม่นเศร้าร้าวราน
ผันผ่าน...วารวันลับลา

คิดถึง..ผู้คนคุ้นเคย
จากเลยลับล่วงห่วงหา
ไม่ได้พบพานนานมา
หวนคิดทุกครา..อาลัย

สายน้ำสายเก่า....
นานเนาเคยได้อาศัย
กระแสสายธารผ่านไป
ไม่เคยรินไหลย้อนมา

ทุกภาพในความทรงจำ....
เก็บงำมุ่งมาดปรารถนา
อยากย้อนคืนบ้านอีกครา
ก่อนจากอำลาชั่วกาล

หญิงชรา...
เหม่อทอดสายตามองผ่าน
อีกนิด..อีกนิด..ไม่นาน
กลับบ้านเยือนเหย้าเฝ้ารอ

10/26/07

ความงามแห่งฟากฟ้า ณ เวลาอันต่างกัน

ดาดดื่นหมื่นดารา
ระยิบตาละลานใจ
หันมองทิศทางใด
วะวิบไหววิไลดาว

คืนนี้ไม่มีโสม
ปลาศโคมระยับพราว
ดาวน้อยจึ่งวับวาว
อะคร้าววันพระจันทร์ไกล

ดุจเทียนอันวาววิบ
ระยับยิบ ณ แดนไกล
อยากเอื้อมไปคว้าไขว่
อะเคื้อดาวสกาวดวง

หนึ่งสองสามสี่ห้า
คณานับ..นะ...ดาวปวง
คืนดาวให้กับสรวง
ลุล่วงก่อนอรุณกาล

ใกล้เช้า...แสงฉาดฉาย
ระบายฟ้าทิวาวาร
ราตรีที่ยาวนาน
จะผ่านผัน..ตะวันแทน

อาทิตย์เตรียมวาดฟ้า
กระจ่างตา ณ ดินแดน
เริ่มวันอันสุขแสน
สว่างจ้านภางาม

10/25/07

เส้นทาง สับสนของต้นกล้า (เรื่องสั้น)

ในละแวกนี้ใคร ๆ ก็รู้จักเด็กชายต้นกล้า เพราะ ต้นกล้าเป็นขาใหญ่ประจำซอยด้วยวันเพียงสามขวบครึ่งเท่านั้น แก้มยุ้ย ๆ พุงกลม ๆ ของเด็กชายเป็นเหมือนป้ายโฆษณาสินค้าชั้นดี ที่ทำให้พี่ป้าน้าอาลุงแม้กระทั่งปู่ย่าตายายในชุมชนแห่งนี้ อดไม่ได้ที่จะเข้ามาแสดงความเอ็นดูทุก ๆ ครั้งที่พบเห็น ด้วยการมาหยิก มาหอมแก้ม หรือแม้กระทั่งอุ้มเด็กชายขึ้นมาแล้วเป่าปู๊ด..ปู๊ดตรงพุงจนเจ้าตัวดีหัวเราะคิกคัก ความเจ้าเนื้อและเจ้าคารมที่สามารถตอบโต้ทันควันของเด็กชาย ทำให้ต้นกล้ากลายเป็นขวัญใจของหมู่บ้านไปเสียแล้ว

อ่านต่อ

เชิญอ่านต่อที่ Opera นะคะ เพราะที่นี่ไม่เหมาะแก่การ Post เรื่องงสั้น

10/24/07

ล้วนแล้วแต่ญาติ

น้องมิ้มมีลูกแมวเหมียวสีขาวน่ารักชื่อเจ้ามะดันดอง
วันหนึ่ง...เจ้าแมวน้อยไม่สบาย
ปะป๊า...เลยพาเจ้า'ดันดองไปหาหมอ โดยมีน้องมิ้มไปด้วย
ระหว่างรอหมอ.....
น้องมิ้มนั่งมองสิ่งรอบกายอย่างสนอกสนใจ
บางคนพาแมวมา บางคนพาหมามา ...บางคนก็พานกมา
หมาตัวหนี่งเข้าไปทำความรู้จักหมาอีกตัวหนึ่ง
เจ้าของเลยได้พูดจาทักทายกันไปด้วย
มิตรภาพง่าย ๆ เกิดขึ้นที่นั่นตามประสาคนรักสัตว์
เมื่อถึงคิวของตัว..เจ้าของก็พาสัตว์เลี้ยงไปพบคุณหมอ
และออกมานั่งคอยรอเรียกชื่อ
เจ้าหน้าที่ทยอยขานชื่อทีละคน
คุณรัตนา ติดต่อการเงินค่ะ
คุณสาธิต ติดต่อการเงินค่ะ
คุณสมศักดิ์ ติดต่อการเงินค่ะ
...และอีกหลาย ๆ คน
น้องมิ้มนั่งฟังดัวยความสงสัย...ก่อนเอ่ยถามปะป๊าว่า
"ป๊า...ทำไมเขานามสกุล ติดต่อการเงินกันทุกคนเลยล่ะ
สงสัยเค้าต้องเป็นญาติ แล้วชวนกันมาแน่เลย"
ปะป๊า ...??????

10/17/07

ชีวิตหนอวุ่นวาย

บางคนต้องการ
ที่จะ"มีใครสักคน"...

บางคนต้องการ
ที่จะ"เป็นใครสักคน"

บางคนต้องการ
ผลักไสการ"มีใครสักคน"

บางคนต้องการ
หลุดพ้นจากการ"เป็นใครสักคน"

บางคนอยากตัด...
บางคนอยากต่อ
ชีวิตนี้หนอ..วุ่นวาย..

10/15/07

น้องมิ้มลูกแม่มด..วันอันรันทดของหนู

พี่เลี้ยงชาวต่างชาติของน้องมิ้มกลับบ้านไปแล้วหล่ะ
หลังจากเสียน้ำตากันไปหลายรอบ
น้องมิ้มก็ต้องเริ่มทำตัวคุ้นเคยกับพี่เลี้ยงใหม่ซึ่งเป็นชาวต่างชาติเหมือนกัน
วันนั้นแม่มดก็ปล่อยให่เจ้าตัวดีอยู่กับพี่เลี้ยง
สักพักน้องมิ้มบ่นหิว...
พี่เลี้ยวหันซ้ายหันขวาถามว่าน้องมิ้มจะกินอะไร ไม่มีอะไรเลยมีแต่ข้าวสวย
น้องมิ้ม : พี่ตุ่นก็ทอดไข่ให้หนูกินซิ
พี่ตุ่น : ไข่ก็ไม่มี
น้องมิ้ม : งั้นไปซื้อร้านย่าสิ
พี่ตุ่น : แล้วมีเงินเหรอ...
น้องมิ้มส่ายหน้า สรุปวันนั้นเจ้าตัวดีได้กินข้าวสวยคลุกซีอิ้ว เป็นอาหารกลางวัน
น้าฟังหลานเล่าแล้วน้ำตาแทบร่วง..โถ..ทำไมชีวิตหนูถึงลำบากแสนสาหัสอย่างนี้
แล้วแม่มดทำไมไมซื้อกับข้าวติดบ้านไว้บ้างเลยหรือ
ปรากฎว่าแม่มดซื้อไว้เพียบในตู้เย็นมีทั้งไก่ ทั้งหมู ทั้งผัก สารพัดอย่าง
แต่ที่น้องมิ้มต้องกิน ข้าวเปล่าวันนั้น ก็เพราะพี่ตุ่นตัวดีทำกับข้าวไม่เป็น
วันก่อนสอนให้ทอดปลา พี่ตุ่นก็ทอดปลาให้น้องมิ้มกินทุกวัน...จนกระทั่งปลาหมด
เหลือไก่..หมู ..เธอทอดไม่เป็นซะงั้น
เฮ้อ..สงสารแม่มดจริง ๆ คงต้องสอนพี่ตุ่นให้ ทอดปลา ทอดหมู ทอดไก่ ทอดเนื้อ
แลัว คงต้องสอนผัดผักทีละอย่าง วันนี้สอนผัดผักบุ้ง วันต่อไปผัดคะน้า ฯลฯ
เพราะแค่เปลี่ยนวัตถุดิบ คุณเธอก็ทำไม่เป็นเสียแล้ว
...วันนี้น้าคงต้องซื้อ หมูแผ่น หมูหยอง ไปตุนไว้ให้แล้ว
ไม่งั้นเดี๋ยวเจ้าตัวดีจะกลายเป็นแมง ง๊องแง๊ง หัวโต ตัวฟีบ..ไป

10/12/07

สาธุ...สักวันฉันจะเป็นกวี

โอ้...กวี
จริงหรือเจ้าหลีกหนีมาจากฟ้า
ทิ้งสวรรค์สรรสรวงปวงมายา
หลงเพลินมาเพ้อคำลำนำกลอน

กวีมาจากไหน....
ฤาหลั่งรินจากใจ..อันไหวอ่อน
จากสองตาแสนซื่อสื่อสะท้อน
รู้สึกอันซับซ้อน..ในดวงใจ

กวี..เกิดเพื่อเขียนกวี
เป็นภาระหน้าที่หรือมิใช่
ใยกวีจึงแปลก..แยกจากใคร
ทุกมุมมองที่เป็นไปในกวี

หน้าที่..หรือ..เหตุผล
ที่ดุ่มด้นบนทางเลือนลางนี้
ชื่อเสียง..ทรัพย์สิน..ไม่ยินดี ?
พอใจแค่ที่มี..และ..ที่เป็น

คำตอบของคำถาม...
ขึ้นอยู่กับนิยามความคิดเห็น
ถกเถียง...ได้มากมายหลายประเด็น
คำตอบเร้นอยู่ใน..ดวงใจเธอ (กวี)

กวี..ปราชญ์..อุดมคติ..ปรัชญา
กวี..เสาะหา..ดื่มด่ำ..พร่ำเพ้อ
กวี..อหังการ์..ประเสริฐเลิศเลอ
กวี..ทีพบเจอนั้นเป็นเชนไร

ตอนนี้ยังมิใช่กวี....
เป็นแค่คนที่มีความอ่อนไหว
เลือกคำพ้องคล้องเสียงเรียงเรียงไป
ตามคำร้องของใจ.ให้เป็นงาน

"กวี"..สักวันต้องเป็นให้ได้...
บ่มเพาะความอ่อนไหวอันแสนหวาน
เลือกสรรถ้อยงามงด..ร้อยบทกานท์
คนเรัยกขานว่าเป็นเช่นกวี..

(สาธุ...สักวันฉันจะเป็นเช่นกวี)

แรงบันดาลใจจาก "ต่ำต้อย...แต่ไม่ต่ำทราม" ของโดยคำค่ะ

10/9/07

พระอาทิตย์ช่วยหน่อยดิ...

พระอาทิตย์หนูขอ
ไม่รอพระจันทร์
งานของหนูนั้น
ทำไมมากมาย

ยิ่งทำยิ่งยุ่ง
นุงนังวุ่นวาย
หนูอยากจะตาย
ใครหนอช่วยที

กว่าจันทร์จะมา
ก็ยามราตรี
พระอาทิตย์คนดี
ช่วยหนูหน่อย...นะ...

10/7/07

ดางดวงนั้นพระจันทร์ของหนู...(พระจันทร์มีเพื่อนมั้ย)

หนูเป็นเด็กตัวเล็ก
มีเพื่อนเป็นเด็กเหมือนกัน
วิ่งเล่นซนทั้งวัน
แล้วพระจันทร์มีเพื่อนไหม

เพื่อนที่เป็นพระจันทร์
เล่นด้วยกันทุกวันไป
หนูมอง..ทีไร
ทำไมเห็นแค่จันทร์ดวงเดียว

หรือเพื่อนพระจันทร์
ทิ้งกันไปเที่ยว
ปล่อยให้จันทร์เสี้ยว
อยู่เดี่ยวเฝ้าฟ้า

10/6/07

ดาวดวงนั้นพระจันทร์ของหนู (ดอกไม้ดวงดาว)

ดอกไม้หน้าบ้าน
ผลิบานหลากสี
ขาวส้มชมพูมี
ผีเสื้อนานาพันธุ์
ดอกไม้ดวงดารา
ในทุ่งฟ้าของพระจันทร์
วับวาววิบสวยดี...
แต่ไม่ค่อยมีสีสัน
ดอกไม้ดาวบานกลางคืน
ดอกไม้อื่นบานกลางวัน
สวยอ่อนหวานปานกัน
หนูกับพระจันทร์
...ชมเพลิน

10/5/07

ดาวดวงนั้นพระจันทร์ของหนู.. (ชิงช้าจันทร์เสี้ยว)

หนูเห็นจันทร์เสี้ยว
เกาะเกี่ยวบนฟ้า
อยากเล่นชิงช้า
แกว่งโหนโยนไกล

เล่นชิงช้าบนนั้น
พระจันทร์จะหนักไหม
หนูตัวไม่ใหญ่
เท่าไหร่นะ..พระจันทร์

ค่อยไกว..ค่อยแกว่ง
คืนแห่งความฝัน
ดาวดื่นหมื่นพัน
มาช่วยกันร้องเพลง

10/2/07

อันสืบเนื่องมาจากดาวดวงนั้น

อันสืบเนื่องมาจากดางดวงนั้น

ได้ต่อว่าไปค่อนข้างแรง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมขอโทษแต่โดยดี

ดังนั้น จึงได้ลบกระทู้อันเก่าออกไป

จริง ๆ แล้ว อยากแก้เฉพาะ Original Post แต่เผลอไปทำผิด
ข้อคิดเห็นของน้อง ๆ เพื่อน ๆ เลยหายหมดเลย

แต่ต่อว่าเรื่องงานของน้าสายน้ำ ที่โดนคัดลออกไปแล้วด้วยค่ะ

10/1/07

นิยายรักสามเส้าของดาวเดือน

พร่างพราวดาวกระพริบระยิบระยับ
คณานับที่โน่นและที่นี่
ดุจจุดเทียนเล่มน้อยร้อยหมื่นมี
ฟ้าราตรีหรี่ริบวับวิบวาว

กระพริบแสงเย้าหยอก..หรือหลอกล่อ
ลวงเล่นล้อฟ้าพร่าง ณ กลางหาว
ดุจสัญญาผูกพันอันนานยาว
คือดวงดาวเคียงฟ้ายามราตรี

คืนแรมไร้จันทร์เพ็ญ...ดาวเด่นแสง
วะวามวิบ..แต้มแต่งทุกแห่งที่
เพียงข้างขึ้นเปลี่ยนสลับกลับอีกที
ฟ้าคืนนี้..ไร้แสงพราวแห่งดาวดวง

เพราะฟ้าชื่น..รื่นใจเคียงใกล้โสม
ประดุจโคมสว่างแสน ณ แดนสรวง
ข่มดาวน้อย..พันหมื่น...ดาดดื่นปวง
หลีกเร้นร่วงหลบหน้า..ดาราอาย

เออ.หนอ..เพียงไม่กี่วารที่ผ่านผัน
ถ้อยคำเอ่ยเคยมั่นกลับพลันหาย
เพียงพบแสงใหม่อันพรรณราย
ฟ้ากลับกลายลืมคำพร่ำวาจา

จากข้างขึ้น..หมุนผ่านอีกกาลหนึ่ง
ฟ้าหวนซึ้งถามทวงความห่วงหา
เคียงชิดใกล้หยอกเย้า...เจ้าดารา
ย้อนทบทวนหวนมา...สัญญาใจ

ความสัมพันธ์จริงใจอยู่ไหนนั่น
มีแค่เพียงพบกันให้หวั่นไหว
แล้วพรากพลัดจืดจางแรมร้างไกล
ก่อนเวียนใหม่มาพบคบอีกที

นิยามรักสามเส้าแห่งดาวหมอง
กับเดือนผ่องดำเนินไปในวิถี
ผลัดกันเคียงฟ้าครามยามราตรี
และเป็นอยู่อย่างนี้...ตราบเนานาน...

9/26/07

รักล้อมใจ

[Baby.gif]

หัวใจหนูละมุนอ่อน
ขี้อ้อนและอยากค้นหา
สดใสเต็มดวงตา
เริงร่าเต็มดวงใจ

หัวใจพิสุทธิ์สะอาด
กำลังวาดแต่งเสริมเติมไป
ใจหนูจะสีอะไร
รอผู้ใหญ่ช่วยชี้นำทาง

หัวใจของหนูดวงเล็ก
ใจของเด็กมันยังอ่อนบาง
วันใดเจ็บเหงาเคว้งคว้าง
มีใครบ้างประคับประคอง

หนูอยากขอมีเพียงรัก
เพียงเติมตักใจรักอย่าพร่อง
อ้อดกอด...หนูเรียกร่ำร้อง
ไม่ต้องซื้อหาจากใคร

บางครั้งหนูผิดหนูพลาด
เพราะอาจยังไม่เข้าใจ
ค่อยสอนค่อยหัดดัดไป
เพียงผู้ใหญ่..ใช้ความอดทน

หัวใจของหนูใสซื่อ
อาจดื้อ...อาจยังซุกซน
กำลังวางรากฐานแห่งตน
เริ่มต้นด้วยรักพรักพร้อม

หัวใจของหนูอ่อนแอ
หวังแค่มีรักโอบอ้อม
กำแพงแห่งสุขแวดล้อม
รักห้อมใจอุ่นกรุ่นรัก

9/25/07

จะไม่เครียดแระ...

เฝ้าถามตัวเอง...
คร่ำเคร่งมากไปหรือเปล่า
บอกเห็นโลกสีทึมเทา
ความเป็นไปร้อนเร่าจิตใจ

อยากเห็นฟ้าเป็นสีฟ้า
อยากเห็นทุ่งหญ้าสดใส
อยากเห็นน้ำเคี้ยวคดไกล
อยากให้ดอกไม้ผลิบาน

อยากอยู่ในห้วงแห่งฝัน
อยากยิ้มในวันแสนหวาน
ความเลวชั่วช้าทรมาน
ไม่เคยต้องการคลุกคลี

แต่ข่าวสัมผัสรับรู้
กรอกหูทุกวันเลยนี่
คนถูกคนทำย่ำยี
..ธรรมชาติร่วมราวีลงทัณฑ์

โลกในความจริงทุกข์โศก
แตกต่างจากโลกแห่งฝัน
...อยากปิดตาบ้างช่างมัน
ใจกลับดื้อรั้นนะใจ

เอาเถอะ...จริงบ้าง..ฝันบ้าง
บางคราวจักสร้างงานใหม่
มุมมองของเด็กเยาว์วัย
...เห็นโลกสดใสสวยจัง

บนหน้าจอ (บางจอ) สัตว์ป่ากำลังเติบโต

เปิดเครื่อง..เปิดจอ..ต่อเน็ต
เวบนี้มีคลิปเด็ดกำลังรอ

ภาพส่วนตัวคนสองคน
น่าฉงนมาเผยแพร่ทำไมหนอ
ลีลานัวเนียเคลียคลอ
คนหน้าจอ...ฝันเพลิดเตลิดไกล

เวปนี้มีเรื่องมัน...มัน
ถกกันเรื่องเซ็กซ๋ทั้งเด็กและผู้ใหญ่
เนื้อหา..ที่เห็นเป็นไป
เผยได้สันดานดิบแห่งตน

เวบนี้หล่ะ...อ๋อเกมส์รุนแรง
ลองล็อคอินเข้าแข่งสักหน
อีกฝ่ายมีผู้ร้ายหลายคน
ต้องฆ่าให้ปี้ป่นอย่าปรานี

อาวุธจัดหาสารพัด
ต้องซัดให้มันแหลก..เดี๋ยวหลบหนี
สีแดงหลั่งท่วมจอ..มันดี
ฆ่า..ฆ่า..ฆ่า..ทุกที่..ทุกเวลา

โอ...โอ..ใกล้แล้วจะพ่ายแพ้
เลือกหนทางแก้..ง่ายดายจริงหนา
กดปุ่มเริ่มเล่นใหม่อีกครั้งครา
...มุ่งหน้าเอาชนะอย่างเดียว

เวปนี้หล่ะ..อ๋อ...ถกการเมือง
คุยเขื่องแบ่งค่ายขับเคี่ยว
วิจารณ์ปากกล้าจริงเชียว
ก้าวร้าว..หวาดเสียว..หยาบคาย

หมิ่นเหม่..ความถูกต้องเหมาะสม
เอาแต่อารมณ์...แห่งสหาย
ยุแหย่..เหยียบย่ำ..ทำลาย
ปลดปล่อยความมักง่ายมุมมอง

เวปนี้.กอสซิปดารา
บนเตียง...ใต้ร่มผ้า...จดจ้อง
ข้อมูลเจาะลึกคึกคะนอง
ความถูกต้อง...สิทธิผู้อื่นไม่ใส่ใจ

แต่ละวันสะสมความหยาบ
ซึมซาบจนเป็นนิสัย
แพ้ไม่เป็น..ไม่พร้อมยอมใคร
โอ..สัตว์ป่าตัวใหม่..กำลังเติบโต

ปิดจอ..ปิดเตรื่อง
สัตว์ป่าหยาบกระด้าง.ย่างเยื้อง..คุยโว

9/22/07

น้ำพุ...ฟุ้งกระจาย



ความรู้สึกหนอ...คล้ายน้ำพุ
น้ำพุเต้นระบำ
พอดนตรีนรรเลง
สายน้ำพุพวยพุ่งขึ้นมา
บางครั้งสูง...
บางครั้งกว้าง...
พลิ้วไหวไปตามจังหวะ
ก่อนร่วงลงต่ำ
ราบเรียบสงบนิ่งสนิท
...รอเวลา..รอจังหวะ
เพื่อพุ่งขึ้นมาเริงร่าอีกครั้ง
คนเราก็คงเช่นกัน...
ฟุ้งกระจาย....
สงบนิ่ง...
แล้วฟุ้งกระจาย....
สลับไปเรื่อย ๆ ..เรื่อย ๆ ..เรื่อย ๆ
ตราบจนได้เวลา
ปิดสวิทซ็...ปิดไฟ
ใช่ไหมหนอ......

9/20/07

อยากเห็น...สื่อเป็นกลาง

ฉันไม่รู้จักเขา.....
มองเห็นได้แค่ภาพเงาในกระจก
รูปลักษณ์หยาบช้าสกปรก
เรื้อรก..การกระทำระยำเลว

ฉันไม่รู้จักเขา.....
แต่ได้ยินเรื่องเล่าแหลกเหลว
หยาบช้าเร่าร้อนดังเพลิงรุมสุมเปลว
ในห้วงเหวความน่าชิงชัง

ฉันไม่รู้จักเขา...
แต่กระจกฉายเงาสามารถคาดหวัง
มีภาพลักษณ์..เฉยนิ่งจริงจัง
เป็น Young Generation ..ในฝันผู้คน

ฉันไม่รู้จักเขา....
แต่ได้ฟังเรื่องเล่ามาทุกหน
เป็นคนดีมีความคิด..ไม่ยึดติดตัวตน
พระเอกผู้พาความมืดมนจางไป

ฉันไม่รู้จัก..เขา... เขา..เขา..และ..เขา
แต่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหว
ประเมินวาดภาพเลือนลางกลางใจ
ตามคำบอกเล่าที่ได้รับฟัง

เขาจะเลว.หรือว่า..เขาจะดี
เขานำพาประเทศนี้ไปถึงฝั่ง
หรืออาจประมาทพลาดพลั้ง
วางธงตั้งปักไว้ในใจ....

"คน"ประมวลข่าวสารผ่าน"สื่อ"
"คน"เชื่อถือแหล่งข้อมูลส่วนใหญ่
หากสื่อเบือนบิดมองผิดไป
สะท้อนเงาห่างไกลจากตัวตน

"สื่อ" ย่อมสร้างกระแสความคิด
ถูกหรือผิด..ชักนำเหตุผล
หากไร้จรรยาบรรณ..สื่อมวลชน
สังคมย่อมสบสน..ทิศทาง

เรื่องราว..เรื่องเดียวกัน
ข้อเท็จจริงนำเสนอนั้นคนละอย่าง
มีหรือไม่.สื่อคิดเห็นเป็นกลาง
เสนอมุมต่าง ๆ อย่างเที่ยงตรง ?

วันก่อนหน่ะ ...มันเคยมีอยู่หรือ...

สิบเก้ากันยา...
เขาบอกมีการเข่นฆ่าประชาธิปไตย
ย้อนยุค..เผด็จการ..กลับไป
ประเทศไทยอ่อนด้อยถอยแรง

เขาต้องต้าน..เขาต้องสู้
เพื่อประชาธิปไตยดำรงอยู่ทุกแห่ง
แม้อำนาจปืน..กล้าขัดคัดแย้ง
ไม่ยอมรับดื้อแพ่งอำนาจรัฐจัดวาง

ประชาธิปไตยก่อนนั้นหน่ะ..มีอยู่หรือ
ฤาเป็นเพียงแต่ "ชื่อ" ออกอ้าง
เผด็จการนายทุนยึดทุกทาง
แล้วมันต่างอะไรจากกัน...

ประชาธิปไตยอันได้มาจากการซื้อ
อำนาจล้นมือ...พณ. ทั่น
มองข้ามรัฐสภาสถาบัน
อย่างนั้นหล่ะหรือประชาธิปไตย

กระบอกปืน...ก็ใช่เขาใช้ปืน
เพื่อหยิบยื่นกวาดล้างเส้นทางใหม่
ปูหลักแนวทางวางไว้...
หวังก้าวไปประชาธิปไตยที่แท้จริง

ประชาธิปไตยแบบยุบสภาหนี
เพื่อหลุดพ้นคดี..ฤาชายหญิง
ที่พวกเธอเทิดใจรักภักดีอิง
จนยอมทิ้งชีพพร้อมยอมตายแทน

ประชาธิปไตยแค่วันมีเลือกตั้ง
สิ่งที่หวัง ?...สิ่งที่เธอหวงแหน ?
เครือข่ายโกงกินฮั้วทั่วแดน
ระบบตรวจสอบอันคลอนแคลนครอบงำ

....มิใช่ฝ่ายนิยมอำนาจปืน
แต่คือขัดขืนก่อนเพลี่ยงพล้ำ
ปิดฉากค่ำคืนมืดหม่นดำ
หวังรอเช้าชื่นฉ่ำ...กำลังมา

แต่หากสิ่งที่เขาหยิบยื่น
คือปลายปืนแลกอำนาจวาสนา
ประชาชนย่อมลุกฮือทั้งพารา
เหมือนสิบเจ็ดพฤษภา...อย่ากังวล

9/17/07

ฟ้าอย่าฟูมฟาย

ฟ้ามาคุยกันหน่อยได้มั้ย
ฟ้าฟูมฟายมากไปมั้ยนี่
ร้องไห้จนเกินพอดี
ดูซิ...ทำแบบนี้แล้วเป็นยังไง

วิสัยทรรศน์มืดมัวหม่น
เครื่องบินจึงชนเลื่อนไถล
กี่คนที่พรากจากไป
เพราะความเสียใจของฟ้า

รถราก็ติดก็ขัด
จอดกันแน่นขนัดเกลื่อนตา
ทุกที่มีแต่น้ำตา
ที่ฟ้าหลั่งมาเต็มเมือง

ฟ้า..หยุดร้องไห้
มาคุยกันให้รู้เรื่อง
คราวหลังอย่าใช้น้ำตาเปลือง
...อย่าร้องไห้ต่อเนื่อง..นะฟ้า

เจ้าแม่ชานาน่า

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล The Government Lottery Office
ผลการออกรางวัล
งวดวันที่ 16 กันยายน 2550
รางวัลที่ 1
499336
รางวัลเลขท้าย 3 ตัว
247 273 604 608


chanakith said...
สอง...สี่...เจ็ด คับ สอง...สี่...เจ็ด ออกแน่ๆ(ตัวเลขปริศนา อิอิ)
สิงหาคม 31, 2007 5:26 หลังเที่ยง

เจ้าแม่ชานาน่า อิอิ...

นกน้อย...ผู้จากไป

นกน้อย... เจ้าบินไปไหน
บินไปเกาะแห่งความฝัน
ไข่มุกแห่งอันดามัน
แดนสวรรค์..ทะเลสีคราม

นกน้อย...เจ้าบินไปไหน
บินไปสู่มาตุคาม
อบอุ่นพร้อมล้อมรักทุกยาม
ณ ที่ซึ่งมีความผูกพัน

นกน้อย...เจ้าบินไปไหน
บินไปทำงานสร้างสรรค์
ภาระหน้าที่สำคัญ
ความรับผิดชอบนั้น..ยังมี

เมฆหม่น..ฝนพรูพรำ
ท้องฟ้ามืดดำทุกที่
สุดแรงสองปีกหลีกลี้
เจ้านี้..อ่อนล้าถลาลง

นกน้อย..เจ้ามาจากไหน
เจ้าลื่นไถล..เลยหลง
นกน้อยทิ้งชีวิตปลิดปลง
เหลือคงเพียงความอาลัย

นกน้อย..จากทุกถิ่นเขต
ใยมาร่วมเหตุเพทภัย
อยู่หลังหมองหม่นก่นไห้
ตระเตรียมหัวใจไม่ทัน

วิญญาณ..แห่งนกน้อย
หลุดลอยสู่แดนที่ฝัน
เหนือไข่มุกอันดามัน
ณ สวรรค์ทะเลสีคราม...

9/16/07

พ่อมันใหญ่

กาลครั้งหนึ่ง...เด็กสาวคนนั้น....
ใส่สายเดี่ยวอวบอั๋นไม่ใช่เล่น
เสื้อตัวเล็กอูมอัดรึงรัดเน้น
เธอแวะมาเซเว่นยามราตรี

เธอคงนึกถึงกวีซีไรท์
เลยเดินไปจับจองกระป๋องหมี่
รินน้ำร้อนเดือดพล่านใส่ทันที
ได้บะหมี่ร้อนจี๋ในทันใด

แล้วสายตา..พบ..เด็กสาวอีกคนหนึ่ง
ผู้ซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหน
ทำทีท่ายั่วยวน..กวนกันอย่างไร
ความหมั่นไส้..พุ่งปรี๊ด..กรี๊ดทันที

ความอดทนอันน้อยหนึ่งก็ผึงขาด
ตวัดสาดน้ำในกระป๋องหมี่
เต็มใบหน้าที่เห็นอยู่..คู่กรณี
ตามต่อตี...ตบซ้ำหนำอารมณ์

กฎเกณฑ์..นิยามความถูกผิด
ในดวงจิตแต่หลังไม่สั่งสม
พ่อกูใหญ่....โปรดรับรู้..ท่านผู้ชม
เธอขู่ข่มชูหาง..เอ่ยอ้างคำ

นักประพันธ์เรื่องแต่งแจ้งบอกพ่อ
ให้ตอบต่อโต้เหตุผลทุกคนขำ
พ่อ..หนอ..พ่อใยถูกลูกครอบงำ
สิ่งพ่อทำเสริมลูกให้ไปผิดทาง

ปัญญาชนเออหนอปัญญาชน
มีเหตุผล.อดทนซึ่ง..แค่อึ่งหาง
วันหน้าคงมืดมัวสลัวลาง
หากเธอกร่างยังหลงทะนงตัว

ออกกฏข้อใหม่..ไปเซเว่น
ต้องก้มหน้าซ่อนเร้นไม่เห็นหัว
ใครเชิดหยิ่ง..หลบให้ทันอย่าพันพัว
ใจเต้นรัว..พ่อมันใหญ่..อย่าใกล้มัน

9/14/07

แพดอกไม้

ดอกไม้...ดอกไม้ผลิบาน
ขับขานอ่อนหวานบทเพลง
จังหวะสายลมบรรเลง
เร้าเร่ง..เริงระบำใบ

ต้นไม้..โยกย้ายกิ่งเอน
ล้อเล่นสายอ่อนลมไหว
ดอกไม้ร่วงทิ้งกิ่งไป
ปลิดปลิวลิ่วไล้ลำธาร

ลิบลิบ.ล่องลอยเป็นแพ
ยิ่งแล..ยิ่งงามอ่อนหวาน
แพดอกไม้.สดใสตระการ
ลอยผ่านเรื่อยไหลไกลตา

โยกโยน..อ่อนโอน..กลีบบาง
สู่ทางที่ฝันใฝ่หา
ปล่อนกายตามสายธารา
เรียงเรื่อยไหลมาตามกัน

แพดอกไม้..แพดอกไม้
อ่อนโยนอ่อนไหว..ในฝัน
ดอกใหม่..หมุนคว้าง..ร่วงพลัน
เร่งไล่ให้ทัน...ลอยไป

9/5/07

นางโชว์

พอดนตรีบรรเลงเล่นเธอเต้นส่าย
ขยับกายพันเคล้าเสากลางห้อง
มีสายตามากมายชายเฝ้ามอง
เขม้นจ้องเนื้อนวลยั่วยวนใจ

ส่วนที่โค้ง..ให้เป็นว่าเป็นโค้ง
ส่วนเว้าแหว่งเปิดโล่งน้ำลายไหล
ยิ้มหวาน ๆ ตาเยิ้ม ๆ เคลิบเคลิ้มไกล
เธอจุดไฟสวาทวางกลางใจชาย

ผ้าพันไหล่ค่อย ๆ เคลื่อนเลื่อนขยับ
เธอรำคาญ..โยนกลับไป..ชายใจหาย
นวลเนื้อขาวพราวพร่างอวดร่างกาย
เธอเริงร่ายลูบโค้งเว้าเร้าอารมณ์

และชายก็ฝันเพริดเตลิดฝัน
จินตนาการถึงวันอันสุขสม
เปลือยร่างกาย..หน้ารื่น..คนหื่นชม
หวานหรือขม..เศร้าอดสู..เธอรู้ดี

พอแสงไฟหรี่ดับรีบลับหาย
ข่มความอายหลบหน้าฝ่าหลีกหนี
เสียงเป่าปากหยอกล้อ.."ขอ"...สักที
ยอมจ่ายตามราคาดีที่ต่อรอง

จากนางโชว์เปลี่ยนเป็นเช่นเด็กสาว
เธอเร่งก้าวจากไปใจหม่นหมอง
แวะเซ่เว่น..หยิบมาม่าสี่ห้าซอง
ก่อนเลือกซื้อนมกระป๋องติดมือไป

ที่ห้องเช่าเก่าแก่มีแม่อยู่
นางช่วยดู..เด็กน้อย..ละห้อยไห้
ตักนมใส่ขวดชงส่งทันใด
เด็กน้อยยิ้มดีใจน้ำตาคลอ

จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า..
อยู่ไหนเล่า..นม.ข้าว.แกง..อยากแบ่งขอ
เพลงกล่อมเด็กเอื้อนฮัมในลำคอ
ชีวิตหนอขายนมเนื้อ.ก็.เพื่อนม

9/4/07

พ่อครับ............




พ่อครับ....
ปิดเทอมซัมเมอร์นี้
ขอผมไปอังกฤษทีได้ไหมครับ
เรียนภาษาเพิ่มเติมเสริมระดับ
เพื่อแข่งกับใครใครให้ได้ดี

พ่อครับ..
อีกไม่นานเปิดเทอมใหม่
ผมต้องไปเรียนพิเศษอีกหลายที่
คณิตศาสตร์ฟิสิกส์ชีวเคมี
พ่อเตรียมสตางค์ให้ทีนะครับ

พ่อครับ...
เครื่องคอมฯมันโบร้าณ...โบราณ
เราใช้มาตั้งนานน่าเปลี่ยนปรับ
เล่นเกมส์...เอ็ย...เสิร์ชทีไม่กระชับ
การส่งรับดาต้ามันช้าจัง

พ่อครับ...
ที่ผมเฝ้าพากเพียร
เพราะอยากเรียนคณะดีที่พ่อหวัง
พ่ออย่าทำเหนื่อยหน่ายเสียดายตังค์
ส่งผมให้ถึงฝั่งฝันทีสิครับ
....
....
.....
พ่อครับ...
จากบ้านไปมหาวิทยาลัย
มันไกล๊..ไกลเหนื่อยจังต้องนั่งหลับ
พอเหนื่อยเกินเรียนเท่าไรก็ไม่รับ
ขอผมขับรถไปได้ไหมพ่อ
.....
....
...
พ่อครับ...
ผมอยากได้บัตรเครดิตสักใบ
พ่อพอจะทำให้ได้ไหมหนอ
ซื้อตำรา.บางครั้งสตางค์ไม่พอ
ต้องเอ่ยขอยืมมิตร..คิดแล้วอาย
....
....
...
พ่อครับ
ผมใกล้ถึงซึ่งวันเป็นบัณฑิต
ทางชีวิตได้ดี..ดั่งที่หมาย
อยากเปิดธุรกิจที่เราเป็นเจ้านาย
พ่อพอจ่ายลงทุนให้ได้ไหมครับ
.....
.....
....
พ่อครับ...
ตอนนี้ผมขาดทุนหมุนไม่ทัน
ธุรกิจมันเลยไม่เขยื้อนขยับ
ผมขอยืมสักสิบล้านนะขอรับ
อ้าว...อ้าว...พ่อลมจับ..พับไปเลย

พ่อครับ...พ่อครับ..พ่อยังไม่รับปากผมเลย
พ่อคร้าบ..............

8/31/07

พรุ่งนี้รวย..วันนี้เรียง(เบอร์)

พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย
ยังมีเลขสวย ๆ รอไว้ให้
เชิญเลือกชมซื้อถามได้ตามใจ
เลขบอกใบ้เมื่อวานอาจารย์ดัง

งวดใหม่นี้เลขเด็ดต้องเจ็ดสาม
หรือจะตามแปดห้าเก้าที่เราหวัง
เล่นสลับกลับทางอย่างระวัง
ซื้อพลาดพลั้งกลับไม่หมดอดรางวัล

หากคิดหวังรางวัลใหญ่ใจต้องเสี่ยง
ซื้อเลขชุดจัดเรียงเสี่ยงเพื่อฝัน
ไม่มากมายเงินควัก..แค่หลักพัน
ความหวังนั้นหลายสิบล้านสราญเริง

พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย..พรุ่งนี้รวย
หากถูกหวย..ชีวิตใหม่ไม่ยุ่งเหยิง
จ่ายฟาดหัวเจ้าหนี้ไปให้กระเจิง
ดับทุกข์เพลิงกังวลร้อนรนไฟ

อยากจะรวย..ก็ใช่..ใจก็คิด
อยากจะเขียนลิขิตชีวิตใหม่
อยากเลือกทำสิ่งหวังได้ดั่งใจ
แต่ทำได้..ทุกอย่างนี้..ต้องมีเงิน

หากหาเอง..เกรงว่า..หาทั้งชาติ
ไม่สามารถฝันเพ้อละเมอเขิน
เพียรเก็บงำ..มากเท่าไร..คงไกลเกิน
ยังห่างเหินการ "ปลอดหนี้" ที่รอคอย

ถูกสองตัวไม่กี่บาทขาดอีกเยอะ
ถูกสามตัวก็เถอะ..ยังเศร้าหงอย
รางวัลที่หนึ่ง...นั้นหรือ..คือลาภลอย
หวังนิดหน่อยสามสิบล้าน...หวานอารมณ์

ควักกระเป๋าซื้อเลขชุดสะดุดคิด
หากพลาดผิดความหวังยังไม่สม
เดือนนี้คงขาดแคลนแสนตรอมตรม
เสี่ยงเถอะ..ข่มความเสียดายผ่อนคลายไป

.....
.....
.....

เรียงเบอร์...ครับ..เรียงเบอร์
ไล่ขึ้นลง..หาไม่เจอ..เลขอยู่ไหน
ถูกใช่ถูก..ถูกดังที่หวังใจ
เลขชุดใหญ่..ถูกกินหมด..อดรางวัล

แง..แง...แง...แง

8/30/07

ขอผลัดอีกเดือนนะ

สิงหา....

อีกไม่นาน..นะ..รออีกไม่นาน
ให้เดือนนี้ผันผ่านสู่เดือนใหม่
หวังปัญหารอบกายสลายไกล
ทนทนไว้..ต้องทนดิ้น...จนสิ้นเดือน

หนี้ตัวแดง..แซงรายได้ช้ำใจนัก
ภาระหนักผูกติดชีวิตเฝื่อน
ได้รับมามากมายจดหมายเตือน
โทรขอเลื่อนวอนขอผลัดวันนัดไป

ค่าเช่าห้องที่หอ..ค้างรออยู่
รีบหนีออกแต่เช้าตรู่..รู้บ้างไหม
เจ้าของทวงย้ำเร่งไม่เกรงใจ
อายใครใครที่เผอิญเดินผ่านมา

เรื่องอาหารปากท้องไม่ต้องเอ่ย
ซ้าซากเคยจนชินกินมาม่า
น้ำร้อนรินเครื่องเติมเพิ่มโอชา
สมราคาห้าบาทห่อ..ต่อชีวี

รอถึงวันสุดท้ายของเดือนนะ
ไม่เลยละสัญญาไว้จะใช้หนี้
ด้วยสันดานแห่งกมลของคนดี
ทุกวจีที่บอกไม่หลอกลวง

หากถึงวันเงินเดือนออก
ถ้อยคำเคยพร่ำบอกไม่ต้องห่วง
จ่ายชำระหนี้ตามที่ถามทวง
เพียงวันล่วง..ผ่านไปไวไวเทอญ

วันนี้...เงินออกแล้ว
มาดื่มกันสักแก้วอย่าห่างเหิน
แค่หนึ่งวัน..ขอพัก..ไม่หนักเกิน
เพื่อนเพลิดเพลิน.มาครบแล้ว..ยกแก้วริน

ออกจากนี่..แล้วเรา...ไปเมาต่อ
เสียงแอ้อ้อ...หยิบนับจ่ายทรัพย์สิน
ไปฟังเพลง..ผับร็อคกัน..มันส์ชีวิน
ดื่ม..ดิ้น.กิน..เมาพับฟุบหลับไป

กันยา...

อีกไม่นาน...รอนะ..อีกไม่นาน
ชะลอหนี้ผลัดผ่านสู่เดือนใหม่
ที่มีคงติดค้างใช่ตั้งใจ
เพียงเงินใช้..ไม่มีเหลือ..เมื่อคืนแล้ว

เหลือไว้...แค่ใจผูกพัน

1.ดอกไม้จันทน์วางลงบนโลงขาว
อโหสิเรื่องราวที่ผ่านผัน
สูญลับไปจากโลกนี้..อีกชีวัน
ที่เคยผูกสัมพันธ์กันยาวนาน

2.ผู้คนต่างหลั่งไหลไปเคารพ
วางดอกไม้ไหว้ศพแล้วเดินผ่าน
เหลือความจำฝังฝากจากวันวาน
เก็บจดจารเอาไว้กลางใจตน

3.แขกเหรื่อเข้าเคารพครบทั่วถ้วน
เหล่าชายล้วนขยับเขยื้อนเลื่อนอีกหน
ยกโลงขี้นเข้าเผาเตาร้อนรน
เผชิญผจญเปลวเพลิงระเริงไฟ

4.เปลวสีส้มอมแสดแผดร้อนจ้า
สงสัยว่า..คนที่นอน..ร้อนบ้างไหม
เนื้อถูกเผากลิ่นฟุ้งคลุ้งลอยไกล
และภายในน้ำก็เดีอดก็เหือดลง

5.ปล่อยโหมไหม้จากนี้ราตรีหนึ่ง
สลายซึ่งคนที่ใจรักไหลหลง
เหลือกระดูกไหม้ไม่หมดให้ปลดปลง
ที่ยังคงยืนยันเน้นสิ่งเป็นไป

6.คนที่รักผูกพันคนนั้นหนอ
เขารั้งรอลอยวนอนู่หนไหน
หรือหลังชีพวางวายเลิกหายใจ
คงเหลือเพียงเยื่อใย..ใจผูกพัน

7.เก็บอัฐิเถ้ากองรองผ้าขาว
เริ่มเดินทางไกลยาวจากที่นั่น
สู่ทะเลเวิ้งกว้างอ้างว้างพลัน
เพื่อชิ้นส่วนสุดท้ายนั้นได้กลับคืน

8.กลีบดอกไม้โปรยลงตรงผิวน้ำ
เอ่ยคำร่ำลาไห้หักใจฝืน
โปรยอัฐิสู่ชล..ทนกล้ำกลืน
ปล่อยให้คลื่นซัดสาดปลาศไกล

ลอยไป..ลอยไป...ลอยไป..ไหนกัน
คนหนึ่ง..คนนั้น..จากกัน..ไปไหน
คลื่นสาด..คลื่นซัด..พรากพลัด..ห่างไป
เหลือสิ่งทิ้งไว้..แค่ใจผูกพัน

8/29/07

หุ่นยนต์...คนเมือง

ก่อนสีสันส้มแสด...แดดทาฟ้า
เหล่านกกาโผผินบินขับขาน
เอื้อนคำเอ่ยร่ำลาราตรีกาล
คลี่มืดม่าน..รับรุ่งแจ้ง..แสงตะวัน

หลายชีวิตงัวเงียเพลียไม่หาย
ยังสบายเพลินหลับอยู่กับฝัน
แต่ภาระหน้าที่มีผูกพัน
ในหัวงการผ่านผันวันเวลา

ใกล้ถึงซึ่งฟ้าสาง.....
เริ่มเดินทาง..จำพราก.จากเคหา
ยืนห้อยโหน..ยัดเยียด..เบียดเสียดมา
ก้นชนขา..หน้าชนหลัง..รั้งเอนโอน

เพิ่งเช้าเท่านั้น...ฟ้าเริ่มสาง
ถนนว่าง.น่ากลัวจริง..วิ่งผาดโผน
เจอไฟแดงเบรคซ้ำคะมำโยน
สองแขนโหน..อ่อนล้า..พะว้าพะวัง

พอสายเข้าอีกนิด
รถราติดขัดข้องทั้งสองฝั่ง
ดมกลิ่นไอควันเสียอ่อนเพลียจัง
ทางก็ยังอีกไกลใจกังวล

หลายชั่วโมงเสียไปในเช้านี้
หลายชีวีถูกขังไว้ในถนน
หลายมลพิษชีวิตเผชิญผจญ
หลายเหตุผลต้องทำใจอยู่ในกรุง
.................
.....................
.................
ก่อนสีสัน..ส้มแสด..แดดลาฟ้า
สิ้นเวลาเปล่าเปลืองในเมืองรุ่ง
กับม่านหมอก..ควันปล่อย..ล่องลอยฟุ้ง
แหละวันพรุ่ง...ก็จะเป็นเหมือนเช่นเคย

มนุนย์..หุ่นยนต์..คน...เครื่องจักร
เหนื่อยนักชีวิน..ชาชินจนเฉย
ซ้ำซ้ำ..ซากซาก..ลำบากจังเลย
ความสุขเจ้าเอย..ไร้แล้งแห้งใจ

8/28/07

อาจไม่มีวันนั้น...วันที่ฉันเขียนกวี

พรุ่งนี้ฉันอาจเขียนบทกวี
เรียงร้อยถ้อยวลีที่อ่อนหวาน
บอกเล่าถึงสัจจะอันยาวนาน
เรียกกล่าวขานชี้ชัดปรัชญา

พรุ่งนี้ฉันอาจเขียนบทกวี
บอกสิ่งที่ชีวีเสาะค้นหา
การตัดให้ลุล่วงบ่วงกรรมา
คำสอนแห่งศาสดาพุทธธรรม

วันนี้...ฉันไม่อาจเขียนบทกวี
เพราะความรู้ที่มียังต้อยต่ำ
สิ่งที่เขียนที่นึกต้องลึกล้ำ
จึงสามารถใช้คำว่ากวี

กวีต้องยกระดับแห่งจิตใจ
กวีต้องเข้าใจในวิถึ
บทกวีต้องดำรงค่าคงมี
แม้ว่าตัวกวีจะวายปราณ

เหนื่อยจัง...คำจำกัดความ
ขอบเขตแห่งนิยามมหาศาล
กว่าพากเพียรฝีกฝนสร้างผลงาน
ให้ได้รับการกล่าวขานว่ากวี

บทกวี..ไกลมือพ้นอยู่บนหิ้ง
บอกความจริงเป็นไปในวิถี
แต่มิอาจสัมผัสได้...ค่าใดมี
แค่ตำราพันปีให้บูชา

จึงสมัครใจเพียงคนเรียงคำ
ทุกบทเขียนนั้นทำตามปรารถนา
เพียงคิดเห็นสำนึกรู้สึกมา
แม้ใครมองไม่เห็นค่าไม่ใส่ใจ

วันนี้...ขอเพียงได้เรียงคำ
พรุ่งนี้..ขอได้ทำตามฝันใฝ่
แต่มั่นใจล้นเหลือ..เมื่อวันใด
แหละวันนั้นฉันคงได้เขียนกวี

....หรืออาจไม่มีวันนั้น
...วันที่ฉันเขียนกวี.......

8/27/07

ผีเพ่นพ่าน

ผองผีเพ่นพ่าน..หาศาลอยู่
หลังแยกแตกพรั่งพรูจากศาลเก่า
มีชายใส่หน้ากากหลบฉากเงา
คอยต่อท่อน้ำเข้า...หล่อเลี้ยงปัน

ตั้งกลุ่มก้อนการเมืองนอมินี
กลับมาใหญ่อีกที..สิ่งที่ฝัน
ป้องผิดปิดพลาดแคล้วคลาดพลัน
หวังอิ่มหมีพีมัน..กันเปรมปรีดิ์

อุดมการณ์..นโยบายเร่ขายฝัน
ความตั้งใจมุ่งมั่นใช่วิถี
เพียงรายได้ก้อนโตโสเภณี
ใครจ่ายค่าตัวดีก็เดินตาม

ก็แล้ว....ประชาธิปไตย
มีอะไรให้หวังตั้งคำถาม
ความเปลี่ยนแปลงผ่านมาพยายาม
แก้วังวนเสื่อมทราม...แห่งการเมือง

แต่มีเพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่
ที่ดาหน้ารอให้เลือกต่อเนื่อง
รัฐธรรมนูญเปลี่ยนไปก็เปล่าเปลือง
หากทุกเรื่องเบื้องหลัง...ยังเป็นไป

ความเย้ายวนหวานล้ำของอำนาจ
ผลประโยขน์ที่คาดว่าจะได้
ยังไม่กลบผิดเพลี่ยงพล้ำเคยทำไว้
ทั้งหมดคือปัจจัยให้ดิ้นรน

ผองผียังเพ่นพ่านหาศาลใหม่
ยังต่อรองตัดสินใจประโยชน์ผล
โปรยคำหวานหว่านเอื้อเพื่อมวลชน
รักชาติจน..น้ำลายหยด..รันทดจัง

อยากให้มีหมอผีที่ชาญเชี่ยว
มาขับเคี่ยวไล่ผีอย่างที่หวัง
ก่อนทุกข์เก่าซ้ำซ้อนย้อนประดัง
โม่งคนนั้นกลับหลังคืนรังเรือน

8/25/07

ไอติม...กริ๊ง..แกร๊ง

กริ๊ง...กริ๊ง...
กระดิ่งไอติม
เร้ว..เร้ว..มาชิม
ไอติมหวานเย็นชื่นใจ

ตู้แช่สี่เหลี่ยม
เต็มเปี่ยม...เร็วไว
กะทิ..ถั่วดำ..ลำใย
ชอบรสไหน...เลือกมา

แกร๊ง...แกร๊ง
ไอติมแท่งกำลังมา
มีแค่เพียงเหรียญห้า
ก็ซื้อหาได้ดังใจ

เดิน..เดิน..
เห็นเด็กถือเงินผ่านไป
เด็กกำลังรออะไร
ทำไม..ไม่ซื้อไอติม

คุณหนูอ้อนแม่จ๋า
แม่บอกว่าจะพาไปชิม
เมื่อไรจะไปลองลิ้ม
ไอติมยี่ห้อดัง...ซะที

ไอติมซาเว้นเส้น
ไม่ใช่รถเข็นแบบนี้
แห่กันแดก..ก็ดี๊ดี
ไอ้เบ้อรี่ก็เข้าทาง

ถ้วยละไม่เห็นแพง
เกือบใบแดง ๆ แผ่นบาง ๆ
ตอนนี้หากแม่ว่าง
ช่วยวางแผน..พาหนูไปที

เด็กผอมมอมแมมพุงโร
ทำตาโตด้วยความยินดี
ไอติมเข็นมาทางนี้
แต่ทำไงดีหนูไม่มีตังค์

หนึ่งแท่งตั้งหลายเหรียญ
หนูวนเวียนขอดัวยความหวัง
แม่เอ็ดตะโรเสียงดัง
อย่าร้องไห้รุงรัง
..สตุ้งค์สตางค์ยิ่งไม่ค่อยมี

กริง..กริ๊ง
ทำไมเงียบจริงวันนี้
เดินมาร้อนดิ้นแทบสิ้นชีวี
ซ้ำยังขายไม่ดีน่าระอา

แกร๊ง...แกร๊ง
ไอติมแท่งกำลังมา
มีแค่เพียงเหรียญห้า
ก็ซื้อหาได้ดังใจ

กริ๊ง..กริ๊ง..แกร๊ง...แกร๊ง

8/22/07

วิ่ง..วอด..ว่าง



ชีวิตก้าวไปข้างหน้า
รวดเร้ว
ผ่านขั้นบรรยากาศ
สันดาป...ประกายไฟ
เร่าร้อน...ทำลาย
ลุกไหม้...หมดสิ้น
...เปล่าว่าง

ขยะชีวิต



บนเส้นทางเดินของชีวิต
มีบางอย่างที่เราต้องละทิ้ง
และมีบางอย่างที่เราจะนำติดไป

บางสิ่งที่ตัดสินใจ.."ทิ้ง"
หรือหลงลืม
อาจเป็นของที่มีราตา
แต่ไม่มีค่าาอะไร

บางอย่างที่ตัดสินใจ..."เก็บ"
อาจไม่มีราคาเลย

ช่วงที่ผ่านมาใช้เวลาอยู่กับการเก็บงำ
ของบางสิ่งที่ค้นพบ
มีร่องรอยของความทรงจำในวันก่อน
บัตรอวยพรใบน้อย ๆ
ของขวัญชิ้นนิด ๆ
ถ้อยคำที่เคยบางคนเขียนไว้ให้
รูปถ่ายในวันที่มีรอยยิ้มเต็มดวงตา
หากจะถามถึงราคา...คงหาไม่ได้
แต่หากถามถึงค่า
บอกได้ว่าไม่มีอะไรมาทดแทน

บางคนอาจเรียกขานสิ่งเหล่านี้ว่า
ขยะรก ๆ
แต่ฉันพอใจที่จะเรียกว่า
สมบัติรัก ๆ

สิ่งของมีราคาบางชิ้น
วันนี้ไม่รู้ว่าหายไปอยุ่ที่ไหน
แต่ถามว่าจำเป็นหรือไม่
เพราะในแต่ละวันที่ผ่านเลย
เราไม่เคยต้องการมัน

บางคนอาจเรียกขานสิ่งเหล่านี้ว่า
สมบัติมีค่า
แต่ฉันพอใจที่จะเรียกว่า
ขยะมีราคา

สมบัติ หริอ ขยะ ขึ้นอยู่กับว่า
ความมีค่าต่อจิตใจ

8/21/07
























เรื่อย..เรื่อย..เอื่อย..เอื่อย..ไหล
ล่องลอยไปตามลำธาร
ใจเราก็เบิกบาน
รื่นสราญ..อารมณ์กัน

จิ๊บ..จิ๊บ..นกขับขาน
เพลงแว่วหวาน..วิมานฝัน
ทิวทัศน์ทุกสิ่งนั้น
ดุจสวรรค์..บนแดนดิน

ลมพัดฉิว..ฉิวเฉื่อย
แพไหลเรื่อยสู่แดนจินต์
เบิกบานพักชีวิน
กระแสสินธุ์อันรื่นรมย์

ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้
โอกาสมีภิรมย์ชม
หรือจะกลับกลายขม
สุขสะสมอารมณ์เพลิน

8/20/07

เชิญ...เข้ามา

ฉันกำลังรอ
การมาของเธอ
แม้นว่าฉันไม่อยากเจอ

ฉันรู้ดึ
ว่าเวลานี้ต้องมีเสมอ
เวลาที่เธอมาเยี่ยมเยือน

แต่เอาเถอะ
ใจฉันพร้อมที่จะเปิดประตูรับ
ฉันไม่ยับยั้งเธออีกต่อไป

แต่...เธอจะมาเวลาไหน
ในยามสดใสของรุ่งเช้า
หรือยามเศร้าของค่ำคืน

ขอโอกาสให้ฉัน
ได้เป็นผู้เปิดประตูเชื้อเชิญ
ให้เธอเดินเข้ามา

ขอให้ฉันได้เตรียมน้ำตา
และได้สั่งลา...กับคนที่ผูกพัน
ก่อนจะไม่ได้พบกัน
ชั่วนิรันดร์กาล

ความพลัดพราก
...ช่วยเตือนฉัน
ก่อนถึงเวลานั้น...ได้ไหม

นกน้อยผู้แสวงหา


ปีกสอง..ของเจ้าล้า
บินเหินฟ้ามาเนิ่นนาน
จุดหมายมิพบพาน
ฤาชั่วกาลต้องบินไป


เหนื่อยนักอยากพักปีก
บินหลบหลีกจนอ่อนไหว
เหงานักอยากพักใจ
มี่ที่ใดให้สร้างรัง


หรือว่าสุดฟ้ากว้าง
ไม่มีทางได้ดังหวัง
อ่อนล้าพะว้าพะวัง
แต่เจ้ายังจะบินไป

เย็นนัก..ก็พักนอน
พเนจรร่อนเร่ใจ
มองหาต้นไม้ใด
พอเกาะได้พึ่งพักพา

ค่ำคืนฟ้ามีจันทร์
เป็นเพื่อนกับดารา
หนึ่งนกเพียงเอกา
เฝ้ามองหาเพื่อนไม่มี

หรือเจ้าจะลองบิน
ผกโผผินค่ำคืนนี้
บินสูงให้เต็มที่
อาจจะมีดาวสักดวง

กระพือสองปิกบาง
บนเส้นทางสู่แดนสรวง
ยิ่งสูงยิ่งเปล่ากลวง
เยือกเย็นทรวงยิ่งเดียวดาย

ปีกสองเจ้ายิ่งล้า
เมื่อมองหา..แสงดาวพราย
ยิ่งบินยิ่งอันตราย
รอบรอบกายแสนมืดมน

ปักเจ้าไร้แรงบิน
มืดบอดสิ้นไม่เห็นหน
เหนือยล้าเกินทานทน
จึงร่วงหล่น..สื่นลมปราณ

แสงเดือนส่องเลือนลาง
อาบไล้ร่างปราศวิญญาณ
นกน้อยจากวันวาน
ปิดตำนาน..การโบยบิน .....

8/17/07

อหังการ์....แตกแยก

อหังการ์ผู้คน
ยกตัวยึดตนเป็นใหญ่
ใดกั้นขวางหน้า..ถอยไป
ใครไม่มีเก่งเกินกู
ความคิดกูต้อง..คือ..ใช่
แตกต่าง...ถอยไป..ข่มขู่
อย่ามาพร่ำบ่น..หนวกหู
ก้องกู่กัมปนาท..ลำพอง
ดังเช่นสิงห์โตเจ้าป่า
เด่นดังทำท่าผยอง
สองตาแคลงเคลือบเหลือบมอง
กู่ร้อง..ตะคอก..ดุดัน
ไม่เชื่อไม่ใช่พลพรรค
ต้องหนัก..ต้องตี..ต้องกั้น
ผู้คนแบ่งแยกแตกกัน
เพราะความยึดมั่นมุมตน
ประชาธิปไตย
คือ..ยอมรับในเหตุผล
แตกต่างระหว่างผู้คน
ใช่ประท้วงกันจนวุ่นวาย
นั่นพวกเขา..นี่พวกเรา
มัวเมาจนน่าใจหาย
สัมพันธ์ในชาติกลับกลาย
คล้าย ๆ ใช่ร่วมเผ่าพันธุ์
นี่เผ่าพรรคชั่วขั้วเก่า
นั่นเผ่ายึดอำนาจโมหันต์
แตกต่างทางใครทางมัน
หนทางข้างหน้านั้น...มืดมน

8/14/07

ดาวแห่งฝัน


ความหวังที่แอบซ่อนเก็บ
ค่ำคืนหนาวเหน็บสายลม
ทะเลดาวสุกสกาว...ชม
คลี่ห่มผืนฟ้า..โอบเรา

เฝ้ารอดาวตก..หล่นร่วง
เมื่ออยู่ในห้วงคืนเหงา
เร้นกายซ่อนอยู่ในเงา
เนิ่นเนา...รอคอย..เรื่อยมา

แต่ละคืน..แต่ละวัน
ไม่บรรลุแห่งฝันปรารถนา
ค่อยเคลื่อนค่อยผ่านกาลเวลา
บนความชินชาแห่งใจ

ดวงดาวยังคงอยู่ห่าง
แม้บางครั้งเหมือนอยู่ใกล้
แต่ครั้นยื่นมือออกไป
กลับคว้ากลับไขว่ไม่เจอ

แต่หวังเอื้อมถึงซึ่งดาว
ยังเพริดพร่างพราวเสมอ
แม้เป็นเช่นฝันละเมอ
แต่ยังจะเพ้อเรื่อยไป

ระหว่างฝันและความจริง
อาจยังเป็นสิ่งสงสัย
จะยึดจะเหนี่ยวสิ่งใด
ใจยังตอบใจไม่ได้สักที

ความหวังแม้อาจเลือนลาง
ไม่เคยสว่างวืถี
ยอมทนเพื่อหวังทั้งชีวี
แม้ไม่มีดาวใด...ให้รอ

8/9/07

ไปรถไฟด้วยกันนะ ....



รวมกันหน้าสถานี
เหลือไม่กี่นาทีนะผองเพื่อน
ก๊องแก๊ง..ก๊องแก๊งดังระฆังเตือน
รภไฟเคลื่อนขบวนผ่านชานชลา

หลายโบกี้พันพัวเป็นตัวหนอน
บดเอียดบนไม้หมอน..ไปข้างหน้า
ปู๊น..ปู๊น..แว่วยินฟังดังคำลา
ฉึกกะชัก..ไม่รอช้า..วิ่งไปพลัน

ลัดเลาะผ่านป่าเขาลำนำไพร
ผ่านไม้ใหญ่แข่งออกดอกสีสีน
โยนความเศร้าทิ้งไปไกลชีวัน
ดูสินั่น..น้ำใสไหล..รินริน

รถไฟสายแห่งความรัก
เสียงปู๊น..ปู๊น..ฉึกกะฉัก..ไม่รู้สิ้น
ดังสำเนียงเพลงร้องทำนองชิน
ฉากหนึ่งแห่งชีวินนักเดินทาง

มอง..สิ..มองเห็นฟ้าว่าสีฟ้า
สายธารา..ค้องแดดยิบ..พริบพรายพร่าง
แสงส่องลอดต้นไม้กิ่งใบบาง
ให้ร่มเงาเลือนลาง..มหัศจรรย์

รถไฟสายนี้.................
จอดปลายทางสถานีแห่งความฝัน
สำรวจสัมภาระครบ..พบพร้อมพลัน
แล้วก้าวสู่เมืองหฤหรรษ์..ในทันใด

คนเรียงคำ ...(ฉันไม่ใช่กวี)

ฉันเป็นแค่คนเขียนคำ
อาจไม่ลึกล้ำ...อ่อนด้อย
สัจจะ..สื่อแฝงอาจน้อย
แค่เพียงเรียงถ้อยเป็นลำนำ

ฉันเป็นแค่คนร้อยอักษร
ถ้อยคำอาจไม่ซับซ้อนดื่มด่ำ
ความหมายอาจไม่ลึกล้ำ
เป็นแค่คนเรียงคำตามใจ

อย่าเรียกฉันว่า..กวี
เพียงแค่คนมีอารมณ์อ่อนไหว
เพียงประสบพบ"ความรู้สีก" ใด
เรียงร้อยหลั่งไหลให้เห็นเป็น "งาน"

อย่าเรียกสิ่งที่ฉันเขียนว่า "บทกวี"
มันไม่ได้มีค่ามหาศาล
เป็นแค่เรื่องเรื่อยไหลตามใจต้องการ
จริง..เท็จ..สวย..ขม..อ่อนหวาน
อาจหลงทางบ้าง..ช่างมัน

ไม่อยากอยู่บนหิ้ง
ถูกทอดทิ้งอยู่กับความฝัน
เป็นปุถุชนคนหนึ่งเท่านั้น
โปรดอย่าเรียกฉันว่า "กวี"


คำเรียงนี้ เขียนเพราะรู้สึกว่า คนต่างพากันคาดหวังในกวี และ บทกวี เหลือเกิน
บทกวีต้องสะท้อนอะไรต่อมิอะไร บทกวีต้องเป็นสัจจะอันนิรันดร์
กวีตายแต่บทกวีไม่ตาย
สำหรับใคร ๆ บทกวีอาจสูงส่ง ทำไมใคร ๆ ค่างพากันเอาความคาดหวังมาไว้บนบ่ากวี
ในขณะที่คนเขียนรูปแบบอื่น สามารถจับได้ทุกเรื่อง ทุกมุม
บทกวีบทนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ใครจะชมชอบ หรือ ติเตียน ในผลงานของฉัน
เพราะไม่มีใครว่าอะไรให้สะเทือนใจ หรือ น้อยใจใด ๆ เลย
เพียงแตรู้สึกว่า ทำไมสังคมชอบเอาความคาดหวังมาไว้บนบ่ากวี
ฉันขี้เกียจแบก .... ดังนั้น ฉันจึงเป็นแค่คนเรียงคำ ....
...ฉันเป็นเพียง คนเรียงคำเท่านั้นเอง

8/6/07

กล้าก้าว...ตามฝัน



วันวานใช่เตรื่องวัด
ขีดจำกัดชีวิตตน
พลาดพลั้งเพียงครั้งหน
ทนทุกข์หนักเขาปรักปรำ

วันวานที่ผ่านมา
นั้นมีค่าแค่ทรงจำ
มีไว้เพื่อเตือนย้ำ
ไม่เพลี่ยงพล้ำซ้ำรอยเดิม

วันนี้สิสำคัญ
จะสร้างสรรและส่งเสริม
ข้อพร่องต้องต่อเติม
เพิ่มสิ่งดีแก่ชีวา

วันนี้เรามีสิทธิ์
มุ่งมั่นคิดใฝ่ฝันหา
แก้ไขให้ดีกว่า
สิ่งผ่านมาเมื่อวันวาน

พรุ่งนี้คงสดใส
หากเราได้วางรากฐาน
รอบคอยกอร์ปกิจการ
ก่อสะพานสู่ดวงดาว

พรุ่งนี้ยังมีหวัง
หนทางยังอีกไกลยาว
จงกล้าและจงก้าว
เดินตามฝันอย่างมั่นใจ

*** วันนี้เลือกของที่จะทิ้งและพบบทนี้อยู่ในสมุดบันทึก จึงนำมาเผยแพร่ก่อนหายไปกับกองขยะ


เทา ๆ ..ไม่ขาวไม่ดำ



หากเป็นดำ..ก็ให้เห็นว่าเป็นดำ
อย่าแกล้งทำอำพรางอย่างเป็นขาว
คิดอย่างไร..แสดง..แจงเรื่องราว
ตรรกะอันนานยาวในใจคน

อย่าปนขาว..ปนดำ..ทำเป็นเทา
ผสมหลอมรวมเข้าจนสับสน
ลืมจุดยืนจุดคิดชีวิตตน
พร้อมสับปลับปลอมปนจนวุ่นวาย

อดีตเคยยึดหลักการทางด้านขวา
ล่วงเวลากลับลืมไปน่าใจหาย
มาร่วมวงศ์กิจกรรมทำวุ่นวาย
ร่วมกับคนคิดแนวซ้ายได้ไงกัน

นักการเมือง..นักการเมือง..นักการเมือง
ฟังคำพูดเปล่าเปลืองไม่สร้างสรรค์
ถึอประโยชน์ที่เห็นเป็นสำคัญ
ชาติช่างมัน..ไม่นึกกลัว..ช่างหัวมัน


ดวงจิตไร้รัก (โคลงกลบท)



ดวงจิตไร้รักแล้ว                จึงจร
จิตแอบคิดยอกย้อน            ซ่อนชู้
ไร้ชื่นขี่นซ้ำซ้อน                แปรเปลี่ยน
รักเล่ห์ยากหยั่งรู้                 ยากแท้ใจรัก

ยากจักเรียนเร่งรู้                 เรื่องใจ
จักเล่าเรียนเท่าไร               ไป่แจ้ง
เรียนแล้วยิ่งห่างไกล            กระจ่าง
เร่งนักรักยิ่งแกล้ง                ซับซ้อนวุ่นวาย

ไม่ง่ายคร่ำเคร่งค้น                เรื่องราว
ง่ายพลาดง่ายปวดร้าว   หม่นเศร้า
คร่ำครวญฤทัยหนาว   ครวญคร่ำ
เคร่งเครียดทุกค่ำเช้า   รักร้อนเร้าเร่ง

ใครเก่งลองรักมั้ย                 ลองดู
เก่งประสบการณ์รู้                เริ่มสร้าง
ลองผิดเพื่อเป็นครู               สอนสั่ง
รักชื่นรักช้ำบ้าง                   เรื่องนี้ธรรมดา

ดวงจิตไร้รัก
ยากจักเรียนเร่ง
ไม่ง่ายคร่ำเคร่ง
ใครเก่งลองรัก


ยากชะมัด   อุ๊ย!



ฝันง่าย...โลกงาม



ความฝันสีโศก
ในโลกสีเทา
ค่ำคืนแสนเศร้า
วันเหงายาวนาน

ความฝันสีเศร้า
โลกเทาร้าวราน
ค่ำคืนทรมาน
วันวารทุกข์ทน

ความฝันสีเหงา
โลกเฉาหมองหม่น
ค่ำคืน..สับสน
วันวนวุ่นวาย

เลิกฝัน..เลิกคิด
ยึดติดมากมาย
มุมมองง่าย ๆ
สบายใจดี

หวังมาก..ทุกข์มาก
ลำบากวิถี
พอใจที่มี
ชีวีพอเพียง

ฝันแค่งามงด
ละลดความเสี่ยง
บนโลกเอียงเอียง
ละเลี่ยงทุกข์ใจ

ความฝันสีสุข
ปลุกโลกสดใส
คืนวัน...ผ่านไป
ไม่ยึดผูกพัน

ความฝันง่าย ๆ
สบาย ๆ สุขสันต์
มอบรักให้กัน
โลกพลันงดงาม 

 ยิ้ม   ยิ้ม


ดนตรี...พฤกษ์ไพร



ต้นไผ่บรรเลง
เสียงเพลงเสียดสี
ทำนองดนตรี
เอียดอี้...อี๋...ออ

อี๋..ออ..ล้อไหว
เอนไกวตามลม
ลำนำผสม
รื่มรมย์..พฤกษ์เพลง

พฤกษ์เพลงดนตรี
ลีลาต้นใบ
พลิกพลิ้วขยับไหว
เรียงไล่ลำนำ

ลำนำธรรมชาติ
ปลาศมายา
พิสุทธิ์ล้ำค่า
พาใจ..นิ่งเย็น

นิ่งเย็น..เพลินฟัง
ภวังค์วังเวง
ทำนองบรรเลง
บทเพลงต้นไผ่


ฝนน้ำตา


เหม่อมองดูสายฝน
ร่วงหล่นเป็นสายสาย
ดุจน้ำตาคนเดียวดาย
ที่แหวกว่ายความคำนึง

มินานฝนคงหาย
แต่มิคลายตือติดถึง
ฝนในใจใครคนหนี่ง
ซึ่งตกไร้ฤดูกาล

ฝนซาจากฟ้าแล้ว
นกเจื้อยแจ้วแว่วขับขาน
ดอกไม้เริ่มผลิบาน
หลังผ่านพ้นฝนสั่งลา

แต่เศร้ายังเนาใจ
นานเท่าไรจึงสร่างซา
ซ้ำ...ซ้ำฝนน้ำตา
ทุกทุกคราที่คิดถึง

โลกของฉัน

หนังสือเรียนบทแรก..ถึงบทสุดท้าย
มันไม่มีบทไหนง่ายใช่ไหมหนอ
ต้องศึกษาฝีกฝนค้นให้พอ
ก่อนจะอ่านไปต่ออย่างมั่นใจ

หนังสือบางเล่ม..อาจซับซ้อน
ดูสิ..แอบกลซ่อนที่ตรงไหน
หรือมีคำเฉลยใครเคยไว้
อาจเข้าใจไวกว่าค้นหาเอง

หนังสือบางเล่ม.อาจยากเกิน
ประเมิน..เป้าประสงค์ได้ตรงเผง
แนวไม่ตรงตามจิตอย่าคิดเกรง
เลิกคร่ำเคร่งเร่งอ่าน..ทรมานไป

เลือกเพียงบางเรื่องบางบท
ที่แทนทดคำถามในดวงใจได้
อ่านละเอียด..ฝึกเฝ้า..จนเข้าใจ
แล้วเลือกไปเติมใจ..ได้ทันที

หนังสือ...บางเล่ม..บางตอน
ให้อารมณ์ร้าวรอนได้เต็มที่
อ่านแล้วโศก..สิ้นหวังทั้งชีวี
เหมือนวิถี..ทั้งมวลล้วนตีบตัน

บางเล่ม..อ่านแล้วรู้สึกดี
เหมือนโลกนี้นั้นมีแต่สุขสันต์
ลืมความหม่นหมองมัวชั่วนิรันดร์
เชิญเถอะ.เชิญสัมผัสกันให้พอใจ

บางเล่มพาเราออกเดินทาง
ไปสู่ดาวพราวพร่างสว่างไสว
ไปสู่การค้นหาโลกภายใน
ไปเรียนรู้สิ่งยิ่งใหญ่รอบรอบกาย

หนังสือ..ปกแข็ง..ปกอ่อน
สายโซ่แห่งอักษรเรียงซ้อนสาย
มีความลับ..ความรู้อยู่มากมาย
สุขทุกข์อันหลากหลาย..ก็เช่นกัน

หบิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง...
ปล่อยความคิดคะนึง..ให้สร้างสรรค์
ลืมทุกสิ่งสับสน..ผ่านพ้นพลัน
แล้วสัมผัส.."โลกของฉัน"..ในทันใด

สองตายายบนดวงจันทร์ (ส่องหล้า)


สองตายายสุขสำราญในบ้านใหญ่
แต่เหตุใด..ดวงกมลกลับหม่นหมอง
มีสินทรัพย์คาดไม่ถึง..ตลึงมอง
ทำงานได้เงินทองกองมากมาย

สองตายายทำงานไม่นานนัก
อาศัยหลักเจือจาน'ท่าน'ทั้งหลาย
จนได้สิทธิ์สัมปทานงานสบาย
วางเครือข่ายสื่อสารเต็มบ้านเมือง

สองตายายเบื่อขอเบื่อง้องอน
ต้องอ้อนวอนเอาใจไปทุกเรื่อง
เงินใส่ซอง..หนักหนัก..นักการเมือง
จึงฝันเฟื่องอยากเป็นใหญ่ในนาคร

สองตายายตั้งพรรค..ไผฮักไผ
มีกองทุนก้อนใหญ่ให้เบิกถอน
นโยบายโฆษณาเอื่ออาทร
ใครใจอ่อน..หลงเพ้อ..ละเมอนิยม

สองตายายได้ดั่งที่หวังคิด
มีอำนาจนิรมิตประสงค์สม
ทำโครงการยอกย้อนแอบซ่อนปม
เพื่อระดมเงินก้อนมาถอนทุน

สองตายายหม่ำเพลินเกินไปหน่อย
คนไม่น้อยรู้เท่าทันจิตหันหุน
จึงต้องเกิดเหตุการณ์ชุลมุน
เขาประท้วงกันวุ่นไปทั้งแดน

สองตายายถูกยึดอำนาจสิ้น
ต้องไปอยู่แดนดินที่ไกลแสน
เป็นเหตุการณ์วิกฤติเกินคิด"แปลน"
ยายจึงแค้น...ตาจึงคลั่ง..ไปทั้งใจ

สองตายายสับสนกระวนกระวาย
มีเงินทองมากมายขนาดไหน
แต่ความทุกข์รนร้อนดังฟอนไฟ
ยังคงลุกเผาไหม้ใจทุกวัน

สองตายายอยู่ต่างแดนแสนเงียบเหงา
ไม่อาจ...คืนสู่เหย้า..ใจโศกศัลย์
จึงไปซื้อที่สิงสู่อยู่ดวงจันทร์
เป็นตำนานคู่ขวัญตากะยาย



7/22/07

ความเป็นไป...แห่งวัยชรา


สะดุ้งตื่นขึ้นมาเวลาดีก
พร้อมสำนึกอาลัย...ละห้อยหา
ความสดใสวันก่อนไม่ย้อนมา
เหลือสังขาร์อันโรยราทิ้งไว้แทน

แค่เขยื้อนเลื่อนขยับกลับลำบาก
ยามเคลื่อนไหวมาก ๆ ก็ยากแสน
ปวงสัมผัสประสาทล้วนขาดแคลน
ไม่ชัดแม่นชำนาญเหมือนวานวัน

จึงทนอยู่อย่างอึดอัดจำกัดสิทธิ์
มีชีวิตกับห้วงกาลอันผ่านผัน
ญาติมิตรเคยเคียงข้างเหินห่างกัน
ได้แต่ฝันฝากใจไปเยี่ยมเยือน

คนที่รักทั้งหลายล้วนตายจาก
จุดปิดฉาก..หลีกไม่พ้น..ทุกคนเหมือน
ความเหว่ว้าครองเข้าเป็นเจ้าเรือน
ทยอยรู้ข่าวเพื่อนผู้จากไป

ทีละคน...ทีละคน..ที่หล่นร่วง
ดับทุกข์ปวง..สู่ลิขิต..ชีวิตใหม่
เหลือกี่คน...กี่คน...ทนทุกข์ใจ
รอเมื่อไหร่...ปัจฉิมลิขิต..ชีวิตตน

ธรรมชาติมอบไว้ให้ทุกสิ่ง
คือสัจจะความจริงน่าฉงน
จากเด็กที่ต้องพึ่งพิงอิงผู้คน
พัฒนามาจนโตตามวัย

เป็นผู้ใหญ่เชี่ยวชาญเมื่อวานนี้
แล้วเสื่อมถอยลงทุกที...รู้สึกไหม
พอชรา..ไม่น่าเชื่อ...ไม่เหลืออะไร
ธรรมชาติ..เอาคืนไป...ไม่เหลือเลย

ในวงวนลิขิตชีวิตเหงา
ปล่อยใจให้ว่างเปล่าจนชาเฉย
รอวันละสังขารนานคุ้นเคย
ชีวิตเอย..ชีวิตเป็นเช่นนี้เอง

เสียงแคนใต้สะพาน

สองตายายซมซานจากบ้านป่า
หวังมาหาความรุ่งเรืองในเมืองหลวง
เก็บความทุกข์ลำบากฝากกับดวง
อยากก้าวล่วงหลุดพ้นความจนเสียที

สองตายายซมซานขอทานเขา
เสียงแคนเป่าตาบรรเลงเพลงสุขขี
ยายก็ร้องขับขานเสียงหวานดี
บอกเล่าถึงวืถีแห่งพงไพร

สองตายายเดินบนถนนร้อน
เที่ยวเร่รอน..ซอนซอกตรอกไหน ๆ
อาย..แสน..อาย..แต่จำเป็นโปรดเห็นใจ
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรให้มีกิน

สองตายายหวังเพียงผู้เมตตา
แลกบทเพลงบรรเลงมาด้วยทรัพย์สิน
ไม่ต้องมากแค่พอต่อชีวิน
ให้อยู่ได้จนวันสิ้น..สังขารตน

สองตายายงก ๆ เงิ่น ๆ เดินไปทั่ว
ไม่นึกกลัวรถขวักไขว่ในถนน
บางวันเมื่อยเหนื่อยอ่อน..สุดร้อนรน
บางวันก็ตากฝน...จนเปัยกปอน

สองตายาย..อาศัย..ใต้สะพาน
ถึอเป็นบ้าน..เหนื่อยนัก..ได้พักผ่อน
ยามตกค่ำ..มืดมัว..ซุกหัวนอน
หยุดเวลาเร่รอนไว้ชั่วคราว

สองตายาย..ผ่านคืนวัน..อันทุกข์ทน
เคียงข้างอยู่..สองคน..ร้อนฝนหนาว
ด้วยความรักผูกพันกันนานยาว
ทุกย่างก้าว...มือกุมจับประคับประคอง

ใต้สะพาน..มีเสียง..แล๊...หล่ะ..แล๊น
บทเพลงขับขานแคนอันแสนหมอง
เช้าวันนี้ยินเสียงเพียงทำนอง
เพราะคนร้อง..จากไป..เมื่อคืนนี้

โอ้เจ้าดอกไม้ป่า..ของตาเอ๋ย
สองเราเคยเดินเคียงข้างไม่ห่างหนี
วันที่เหลือ..ต่อไป..เหมือนไม่มี
เหมือนชีวี..ตาแตกดับ..ไปกับยาย

อีกนิดหนึ่งก็ถึงเช้า (โคลงสี่สุภาพ)



มืดมิดมวลหมอกคว้าง          รอบกาย
หมอกหม่นลอยเรียงราย        เกลื่อนล้อม
ขาวปุยนุ่มนวลคล้าย            ม่านคลี่
ไอกรุ่นละอองอ้อม              ( ปิดกั้น )กักกัน

ปล่อยฝันจิตใฝ่เคว้ง             สู่ฝัน
ปล่อยโศกล่องลอยพลัน        สู่ฟ้า
ปล่อยใจที่ยึดมั่น                สู่ว่าง..วางใจ
ปล่อยทุกข์เหนื่อยอ่อนล้า       ( หลุดพ้น ) ร่วงราน

ไม่นานจักผ่านพ้น               ไม่นาน
ปวงทุกข์ที่พบพาน              จบได้
ปวงสุขสดชื่นหวาน             รอท่า
รอนะ...รอเพื่อให้               ( รุ่งแล้ว ) หมอกจาง

แสงพร่างแต่งวาดฟ้า           พราวพร่าง
แสงระบายพื้นนภางค์           ผ่องแผ้ว
แสงทองแห่งรุ่งราง              ระยิบ
แสงโชคิช่วงเพริศแพร้ว         ( เจิดจ้า ) ตะวัน

ภาพฝันยังขัดแจ้ง               แห่งฝัน
แม้หมอกม่านเมฆควัน          โอบเข้า
มิช้าลบเลือนพลัน               ใกล้รุ่ง
รอนิด...เดี๋ยวจะเช้า              ( ไม่ช้า ) โปรดรอ
 
ฉบับแปลงโคลงดั้นเป็นโคลงสี่สุภาพ

รอนิดหนึ่ง...ก็ถึงเช้า (โคลงดั้น)


มืดมิดมวลหมอกคว้าง          รอบกาย
หมอกหม่นลอยเรียงราย        เกลื่อนล้อม
ขาวปุยนุ่มนวลคล้าย            ม่านคลี่
ไอกรุ่นละอองอ้อม              กักกัน

ปล่อยฝันจิตใฝ่เคว้ง             สู่ฝัน
ปล่อยโศกล่องลอยพลัน        สู่ฟ้า
ปล่อยใจที่ยึดมั่น                สู่ว่าง..วางใจ
ปล่อยทุกข์เหนื่อยอ่อนล้า       ร่วงราน

ไม่นานจักผ่านพ้น               ไม่นาน
ปวงทุกข์ที่พบพาน              จบได้
ปวงสุขสดชื่นหวาน             รอท่า
รอนะ...รอเพื่อให้               หมอกจาง

แสงพร่างแต่งวาดฟ้า           พราวพร่าง
แสงระบายพื้นนภางค์           ผ่องแผ้ว
แสงทองแห่งรุ่งราง              ระยิบ
แสงโชคิช่วงเพริศแพร้ว         ตะวัน

ภาพฝันยังขัดแจ้ง               แห่งฝัน
แม้หมอกม่านเมฆควัน          โอบเข้า
มิช้าลบเลือนพลัน               ใกล้รุ่ง
รอนิด...เดี๋ยวจะเช้า              โปรดรอ

ที่สอง..หรือ...สุดท้าย


ความ..รักครั้งแรกแยกร้าง
รัก..จืดชืดจางแปรผัน
ครั้ง..ก่อนยังสอนใจพลัน
ที่สอง..อยากลองฝันหวั่นเกรง

ความ..รักจะจริงหรือใจ
รัก..แท้ใช่ไหมไม่ข่มเหง
ครั้ง..ก่อนย้อนยอกยำเยง
ที่สอง..จึงมิเร่งเผยใจ

ความ...รักนั้นค่อยค่อยก่อ
รัก..เริ่มเติมต่อหวั่นไหว
ครั้ง...นี้ค่อยเรียนรู้ดูไป
สุดท้าย.อาจได้ผูกพัน

ความ...รักนั้นอาจยอกย้อน
รัก..ซ่อนปมร้ายสลายฝัน
ครั้ง..ใหม่ขอลองแล้วกัน
สุดท้าย..ตามแต่มันเป็นไป

การรอคอย..และ..การเดินทางสามชั่วโมงกับอีก 7 นาที

มีใครคนหนึ่งบอกฉันว่า

เขาใช้การรอคอยนานถึงหกเจ็ดปี
เพื่อรอใครสักคน
ที่จะมาพบกันได้
ในสามชั่วโมงกับอีกเจ็ดนาที

เวลาแห่งการรอคอยของเขา
ยังคงนานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
และไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลงได้..

เขาถามฉันว่า
ฉันเคยทำร้ายใคร
ด้วยการปล่อยให้เขาคอย
หรือเปล่า ?


หากฉันเป็นผู้ที่สามารถ
เดินทางสามชั่วโมงกับอีกเจ็ดนาที
แล้วทำให้การรอคอยของเขาสิ้นสุด
ฉันจะเร่งรุดไปทันที

แต่เผอิญ....
ฉันมิเคยใจร้าย
ทำให้ใครค้องรอคอยเช่นนั้น

แม้เมื่อหกเจ็ดปี
ใครบางคนทำให้
การเดินทางสามชั่วโมงกับอีกเจ็ดนาที
เป็นระยะทางไกลเกินไปถึง

เพราะผู้อยู่ที่ปลายทาง
เขามิได้รอคอยฉันแล้ว

แต่ฉันมิได้เก็บกักตน
ไว้ในกรงขังแห่งการรอคอย

กุญแจแห่งอิสรภาพถูกไข
ให้สายลมซับน้ำตา
ให้ท้องฟ้าแบ่งเบาความเหว่ว้า

มาเถิด....
พักให้...สองปีกแห่งใจที่อ่อนล้า
แข็งแรงและเริงร่า
พร้อมโบยบินแสวงหา
ดินแดนแห่งฝันอันเสรี

จากคำถามของใครคนหนึ่งที่ฝากข้อความถึงฉัน

เพียงตะเกียงดวงนั้น


ในโลกร้อนแรงด้วยแสงตะวัน
ฉัน..พอใจในความมืดเงียบงัน
มีเพียงตะเกียงดวงนั้น
ที่ส่องแสงอัน..อ่อนนวล

แสงตะวันเจิดจ้าเกินไป
ยามอยาก..แอบร้องไห้..คร่ำครวญ

แสงตะวันร้อนแรงเกินไป
ยามอยากซุกในความเหน็บหนาว

ขอเพียงตะเกียงและแสงดาว
ส่องสว่างไล่ความปวดร้าว...ในใจ

พักใจไปทะเล

ฝากความหวังเอาไว้บนหาดทราย
ฝากความฝันให้แหวกว่ายธาราใส
ฝากความทุกข์กระพือปีกบินหลีกไป
ฝากความเหงาทิ้งไปในสายลม

ปล่อยความเศร้าเก็บไว้ในขวดแก้ว
ปล่อยลอยลับล่วงแล้วความขื่นขม
ปล่อยความทุกข์ไปกับคลื่น..ตื่นระงม
ปล่อยให้ถมโถมไปไปไกล ๆ ตา

มองซิมองท้องฟ้ากว้างกว่ากว้าง
มองทะเลกว้างขวางเป็นนักหนา
มองเม็ดทรายกองพะเนินเกินคณา
มองเห็นว่าหนึ่งชีวิตนั้นนิดเดียว

ฟ้าสีครามงานเด่นเป็นสีฟ้า
เขียวพฤกษานั้นก็เห็นว่าเป็นเขียว
เกลียวคลื่มโถมทบท้นวนเป็นเกลียว
วางสักเดี๋ยว.วางทุกข์ไป..ปล่อยใจวาง

ชีวิตเป็นเช่นนี้เอง

น้ำตาเปรียบสายฝน
ร่วงหล่นเป็นสาย..สาย
น้ำตาคนเดียวดาย
ที่เวียนว่ายความคำนึง

เมฆเทาทะมึนใจ
ที่ซ่อนไว้คือคิดถึง
พายุอันอื้ออึง
มิอาจดึง..อาจรั้งใจ

ทะเล..สงบนิ่ง
แต่ความจริงที่ซ่อนไว้
มีคลื่นตื่นภายใน
เศร้าสาดใส่ดวงใจเรา

สายน้ำระรินเรื่อย
ไหลเอื่อย ๆ สู่แดนเหงา
จุดหมาย..มีเพียงเงา
หัวใจเศร้ายังแรมรอน

บนนั้นมีจันทร์เสี้ยว
อยู่เพียงเดียวระโหยอ่อน
ใจเหงายังเร่าร้อน
แอบซุกซ่อนในเยือกเย็น

ชีวิตอันเรียบง่าย
ยังเวียนว่ายในลำเค็ญ
ยอดหญ้ายังไหวเอน
ทุกสิ่งเป็นเช่นนั้นเอง

ค้นเถิด...ค้นใจตน

อาจเป็นเพียงความรู้สึกอันอ่อนไหว
อาจเป็นเพียงหัวใจที่อ่อนหวาน
อาจเป็นเพียงแค่จินตนการ
อาจเป็นเพียงพบเพื่อผ่านไม่จีรัง

อาจเป็นเธอ...หรืออาจจะมิใช่
อาจเป็นเธอ...หรือเป็นใครที่ใจหวัง
อาจเป็นเธอ...ที่เสริมเติมพลัง
อาจเป็นเธอ...ที่เหนี่ยวรั้งยั้งใจเรา

หรือ...จะไม่ใช่เธอ
หรือ..เป็นแค่ฝันละเมอในวันเหงา
หรือ..สิ่งที่พะวง..คือหลงเงา
หรือ..แค่เพราะความว่างเปล่าในดวงใจ

ค้นเถิด..จงใช้เวลาค้น
ว่าทุกสิ่งคือใจตนหรือมิใช่
หรือเป็นเพียงวูบหนึ่งซึ่งเผลอไป
ที่รู้สีก...นั้นมิใช่เป็นความจริง

โลกสีขาวที่หายไป

โรงเรียนของหนูหายไป
ใครจุดไฟเผาเหี้ยนเตียน
พรุ่งนี้หนูจะอ่านเขียน
จะไปเรียนที่ไหนไม่รู้

คุณครูของหนูหายไป
ใครยิงปืนใส่คุณครู
เลือดแดงถะถั่งพรั่งพรู
แล้วหนูจะเรียนกับใคร

พ่อหนูออกไปจากบ้าน
ไม่นานมีเสียงบึ้มใหญ่
พ่อแหลกเหลวไม่หายใจ
พ่อไม่กลับบ้านอีกเลย

โลกสีขาวของหนูหายไป
ทุกข์ใจจนชินชาเฉย
น้ำตาคือสิ่งคุ้นเคย
ผู้ใหญ่เอย...ทำไปทำไม


"เกิดสงครามพันครั้ง
เด็กก็ยังสวยงาม
เป็นเพียงแค่สงคราม
ความเดียงสาเท่าเดิม"*

*   จากบทเพลงของเฉลียง 

อย่าเร่งผลต้นรัก

ในหัวใจที่เปล่าว่าง
เธอกำลังอ้างว้างใช่ไหม
หวังว่าหากเติมรักลงไป
จะทำให้ใจเต็มตื้นชื่นใจ

จึงคิดไขว่คว้าหารัก
พยายามอย่างหนักใช่ไหม
หาได้ก็ยื้อยึดไว้
หวังให้ใจไม่คว้าง..ว่างใจ

วันนี้ใจไม่ว่างเปล่า
แต่เธอยังเศร้าใช่ไหม
ทุกคืนวันผันผ่านไป
เหมือนไฟรุมเร้า..เผาใจ

รักที่ยึดถือคือทุกข์
ระแวงจนหมดสุขใช่ไหม
แบกรักแบกหวงห่วงใย
รักทำไม..กลับกลายทำร้ายใจ

วาง..เถอะ..วาง ให้ใจว่าง
ไม่เคว้งไม่คว้างหวั่นไหว
ทุกสิ่งปล่อยให้เป็นไป
อย่าไขว้คว้าให้ใจทุกข์ทน

ปล่อยรักเติบโตผลิบาน
แตกกิ่งแตกก้านตั้งต้น
ในวิถีทำนองของตน
อย่าเร่งปุ๋ย..เพื่อหวังผลรักเลย

จงโบยบินไป...ด้วยปีกผีเสื้อ

โปรดอย่ากักขังฉัน
ไว้ด้วย...ความเหงาของเธอ

โปรดอย่าพันธนาการฉัน
ไว้กับ...ความเศร้าของเธอ

ปีกสองของฉัน
มันบอบบางและอ่อนไหว
เกินกว่าจะแบกรับ
ความรู้สึกแบบนั้น

โปรดจงปล่อยให้ฉันบินไป
ทุกครั้งแห่งการกระหยับปีก
ทุกดอกไม้ที่ดอมดม

ฉันจะเก็บความอ่อนหวาน
ความหอมและความสวยงาม
กลับมาเป็นของขวัญ...แด่เธอ

ความสวยงานหวานหอม
ย่อมช่วยซึมซับ
ความเหงาเศร้า

มาเถิด...ปีกบางของฉัน
แข็งแรงพอ...พร้อมแล้ว
ที่จะแบกรับความฝัน

มาเถิด...โบยบินไปพร้อมกัน
ท่ามกลางความอบอุ่นแห่งแสงตะวัน...
สู่โลกแห่งฝัน...อันงดงาม

มาเถิด..หญิงสาว
จงโบยบินไป
ด้วยปีกผีเสื้อของฉัน

ระบำ...ผีเสื้อ

ผีเสื้อปีกบาง
สองข้างขยับบิน
เริงร่าโผผิน
โรยรินดอกไม้

ดอกไม้ก้านไหว
แกว่งไกวอ่อนหวาน
กลีบดอกเบ่งบาน
ขับขาน..บทเพลง

บทเพลง..สายลม
พร่างพรม..ชื่นใจ
เอนไหว..ยอดไผ่
พลิ้วใบ..ไล้น้ำ

ไล้น้ำ...ไหลเอื่อย
เรื่อย ๆ เยือกเย็น
ความสุขที่เห็น
ในความเป็นไป

เป็นไป..ธรรมชาติ
แต่งวาดเสกสรร
งดงามดุจฝัน
ร่ายระบำพลัน...ผีเสื้อ

5/10/07

นิทานฝนราตรี

คืนนี้ฝนตก
สัมผัสไอเย็น
กรุ่นกลิ่นละอองดิน

ฟ้าสะอื้นครืน..ครืน
พอได้ยิน
แล้วร่วงริน..น้ำตา

ทยอยวิ่งไล่
ทีละหยาด...ทีละหยด
ฟ้ารินรดให้ดิน

ผืนดินแห้งร้อน
สะท้อนอ่อนไหว
หยาดน้ำใส...แผ่วจุมพิต

โศกของฟ้า
เพื่อสุขของดิน
ความเคยชินที่สวนทา

ฝนเล่านิทาน
ตำนานฟ้าเศร้า
ให้ดินฟัง

เมล็ดผลิแยก
ชำแรก..รับฝน
ยอดอ่อนเขียวใส

แมกไม้เริงร่า
พายุฝนพัดมา
เริงร่ายระบำใบ

หยาดน้ำใส
ค้างบนกลีบดอกนุ่ม
ดุจไข่มุกแห่งอรุณ

แสงแดดยามเช้า
รับขวัญบางเบา
ปิดฉากนิทานเศร้า...แห่งฝนราตรี