1/15/08

โอ้ลัลลา...ฮานอย

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเครื่องบินขนาดเล็กลำนั้นก็วิ่งเลียบไปบนทางลาด ก่อนเชิดหัวขึ้นสูงสู่อากาศเพื่อพาผู้โดยสารทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังจุดหมาย โดยทิ้งความพลุกพล่านของสนามบินที่ใช้เวลาก่อสร้างนานที่สุดในโลก และความสับสนวุ่นวายร้อนระอุของสงครามชิงคะแนนเสียงประชาชน จากพรรคการเมืองหลักสองขั้วใหญ่ไว้เบื้องหลัง หากย้อนเวลากลับไปเมื่อสามหรือสี่สิบปีก่อน จุดมุ่งหมายของการเดินทางครั้งนี้เป็นสถานที่ต้องห้าม ผู้ที่จะเดินทางไปต้องมีอุดมการณ์และความมุ่งมั่นสูงมาก เพราะการเดินทางไม่สะดวกง่ายดายเหมือนทุกวันนี้ และบางทีหากโชคร้ายต้องถูกจำกัดอิสรภาพตอนกลับมา ด้วยข้อหาฉกาจฉกรรจ์ประเภทฝักใฝ่ในลัทธิหรือมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์อะไรประเภทนั้น ใช่แล้วค่ะจุดหมายปลายของเดินทางของครั้งนี้ เป็นประเทศที่มีธงแดงและดาวสีเหลืองเป็นสัญญลักษณ์ “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียตนามนั่นเอง

อ่านต่อ

1/8/08

ปรัชญาหญ้า

ก่อกำเนิดจากเมล็ดเล็กร่วงหล่น
ผลิตผลงอกใหม่แตกใบเขียว
ชำแรกผ่านโผล่พ้นลำต้นเรียว
รากเกาะเกี่ยวดินเคล้าแค่เบาบาง

ขยายเหล่าสืบกอต้นต่อต้น
หลังต้องฝนพรำสายพรูพรายพร่าง
ดุจผืนพรมห่มคลุมอ่อนนุ่มวาง
เขียวทุ่งกว้าง..แผ่ไป...จนไกลตา

ทุกอณูดินก้อนพลันอ่อนนุ่ม
ดูดน้ำอุ้มชุ่มชื้นใต้ผืนหญ้า
เพียงไม่นานผ่านล่วงห้วงเวลา
ความอุดมคืนมาสู่แดนดิน

วัฏจักรแห่งชีวิตน้อยนิดสั้น
ประโยชน์ปันเอื้อสู่มิรู้สิ้น
เกิดแล้วดับเวียนว่าย...ง่ายชีวิน
ย่อยกายินเลี้ยงต้นใหม่เติบใหญ่แทน

คือปณิธาน...ดำรงตนแห่งต้นหญ้า
คลุมอาณาดาดดื่นหมื่นล้านแสน
ดำรงพันธุ์ติณชาติไม่ขาดแคลน
สะพรึบแน่นงามสะพรั่งทั้งบริเวณ

เมื่อต้องลมแรงหนักไม้หลักโค่น
ยอดหญ้าโอนเคลียคลอล้อลมเล่น
สะบัดใบไหวพลิ้วรายริ้วเอน
ลู่ระเนนแล้วกลับคงตรงต้นยืน

เพราะฉะนี้หญ้าจึ่งมีมากมาย
แผ่ขยายเขียวเข้มเต็มแผ่นผืน
ยามร่วงรา...รอก่อน..ย้อนกลับคืน
ไม่แข็งขืน..อ่อนบ้าง...ในบางครา

ฝากแง่คิด...น้อยนิด...ชีวิตมนุษย์
บางจังหวะหยุดรั้งระวังท่า
บางจังหวะ..ก้าวถอย...คอยเวลา
แต่คงมั่นในศรัทธานิรันดร์กาล

1/7/08

กล่อม

จรดจมูกบนแก้มนิ่ม...นิ่ม
ปากอิ่มแต้มรอยยิ้มหวาน
เห็นเงาเยาว์วัยวันวาน
ซาบซ่าน..แน่นหนัก...ผูกพัน

ถ้อยคำอ่อนอ้อนวอนเว้า
รุกเร้าร่ำร้องของขวัญ
กายเบียดกายชิดติดกัน
ดวงตาคู่นั้น...วับวิบ

ดวงดาวทุกดวงบนฟ้า
ไกลเกินไขว่คว้าเอื้อมหยิบ
สองตาราวดาวกระพริบ
...ระยับระยิบอยู่ตรงนี้แล้วไง

รัก..รัก..รัก..รัก..และรัก
ยากนักจะหาคำไหน
ทดแทนได้เหมือนดั่งใจ
ความรู้สึกที่มีให้...คนดี

โอ่เอ๊..โอ่เอ๊..ทรามวัย
มีรักล้อมใจที่นี่
หลับตา..หลับตา..เสียที
ฟังสิ..กล่องดนตรีบรรเลง

จรดจมูกบนแก้มนิ่ม...นิ่ม
นอนหลับตาพริ้ม..คนเก่ง
เพลียหนักผล็อยร่วงง่วงเอง
แล้วค่อยตื่นมาครื้นเครง...พรุ่งนี้

ความเศร้าของหญิงสาว

หญิงสาวก้มหน้า
ดวงตาเธอเศร้า
ตำแหน่งข้างกายว่างเปล่า
เธอซึมเซาในชุดเทาดำ
สาวเท้าก้าวเดิน
อีกไม่นานเกิน..ก็คงค่ำ
อยากให้ฝนพรูพรำ
ช่วยซ่อนงำหยาดน้ำตา
ป่านนี้...ที่วัด
ผู้คนคงแน่นขนัดมากหน้า
ต่างพูดคุยสอบถามสนทนา
ถึงเรื่องราวว่าเป็นเช่นไร
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงนั้น
เคยผูกพันตั้งแต่ไหน ๆ
เคยรักคิดถึงห่วงใย
เคยเป็นลมหายใจทุกนาที
ชีวิตเหมือนปราสาททราย
คลื่นกล้ำกรายกระชั้นถี่
รักสร้างก่อมานานนับปี
บัดนี้...เคว้งคว้าง..เดียวดาย
หญิงสาวคนเศร้า
เร่งเท้า...เกรงว่าจะสาย
โอกาสใกล้ชิดช่วงสุดท้าย
ในงานศพชายที่รัก

เพราะใจเรา...เหมือนกัน




วันนั้น...ฉันใส่เสื้อสีเหลือง
เธอก็ด้วยเหมือนกัน
วันโน้น...ฉันใส่เสื้อสีชมพู
และก็รู้ว่าเธอใส่เหมือนฉัน
วันนี้...ฉันและเธอใส่เสื้อสีดำ
อะไรทำให้เราใส่เหมือนกัน

วันก่อน..เธอยิ้ม...ตื้นตัน
ฉันยินดีปลามปลื้มสุดกลั้น
วันก่อน..เธอติดตามข่าวทุกวัน
ไม่แตกต่างจากฉันที่กังวลห่วงใย
วันนี้...ฉันและเธอโศกเศร้าอาลัย
ทำไมเราจึงรู้สึกเช่นนั้น

คำตอบของทั้งสองคำถาม
อยู่ที่ความ...เทิดทูนผูกพัน
เรารักเคารพในสิ่งเดียวกัน
คือสถาบันศูนย์รวมดวงใจ

*** หมายเหตุ สองคนที่ไม่ได้ใส่สีเหลือง เป็นน้องจากลาวและปากีสถานค่ะ เราร้องเพลงด้วยกันวันที่ห้าธันวา

12/26/07

คำพูดฝากจากลุงโฮ..ถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใคร


สิ่งที่จากลากับสึนามิ

"กลับบ้านด้วย อยากคุยเรื่องที่ดิน” เสียงปลายสายที่พูดมาช่างคุ้นเคยยิ่งนัก

“ไม่ว่าง” ฉันตอบกลับไปโดยไม่ต้องคิด เบื่อ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเบื่อเสียจริง ๆ

“ยังไง แกก็ต้องมา หากแกนับฉันเป็นพี่อยู่ ถ้าแกไม่มากเราขาดกัน” พี่สาวคนเดียวของฉันกระแทกเสียงตอบ ก่อนกดตัดสายทิ้งโดยไม่เปิดโอกาสให้ต่อรอง

ฉันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย นับตั้งแต่การจากไปของเตี่ยเมื่อหลายปีก่อน สัมพันธภาพในครอบครัวเราก็เริ่มคลอนแคลนลงทุกวัน มันคล้ายมีช่องว่างที่มองไม่เห็นมาแทรกกลางอยู่ระหว่างพวกเราพี่น้องทั้งสามคน ฉันมองเห็นภาพมะม่วงสามผลที่ติดอยู่ในช่อเดียวกัน ตราบใดที่ก้านยังอยู่ มะม่วงทั้งสามก็ยังคงเป็นพวงเดียวกัน แต่วันที่เตี่ยจากไปคล้ายเป็นการตัดก้านตัดขั้ว เราต่างเป็นผลมะม่วงที่หล่นแยกออกมาเป็นอิสระ ไม่มีแกนก้านกลางให้ประสานกันอีก คำขู่ของพี่ว่าหากไม่มาเราขาดกันคงไม่มีผลอันใดหรอกกระมัง เพราะตอนนี้เราก็เหมือนขาดกันอยู่แล้ว

อ่านต่อ