1/8/08

ปรัชญาหญ้า

ก่อกำเนิดจากเมล็ดเล็กร่วงหล่น
ผลิตผลงอกใหม่แตกใบเขียว
ชำแรกผ่านโผล่พ้นลำต้นเรียว
รากเกาะเกี่ยวดินเคล้าแค่เบาบาง

ขยายเหล่าสืบกอต้นต่อต้น
หลังต้องฝนพรำสายพรูพรายพร่าง
ดุจผืนพรมห่มคลุมอ่อนนุ่มวาง
เขียวทุ่งกว้าง..แผ่ไป...จนไกลตา

ทุกอณูดินก้อนพลันอ่อนนุ่ม
ดูดน้ำอุ้มชุ่มชื้นใต้ผืนหญ้า
เพียงไม่นานผ่านล่วงห้วงเวลา
ความอุดมคืนมาสู่แดนดิน

วัฏจักรแห่งชีวิตน้อยนิดสั้น
ประโยชน์ปันเอื้อสู่มิรู้สิ้น
เกิดแล้วดับเวียนว่าย...ง่ายชีวิน
ย่อยกายินเลี้ยงต้นใหม่เติบใหญ่แทน

คือปณิธาน...ดำรงตนแห่งต้นหญ้า
คลุมอาณาดาดดื่นหมื่นล้านแสน
ดำรงพันธุ์ติณชาติไม่ขาดแคลน
สะพรึบแน่นงามสะพรั่งทั้งบริเวณ

เมื่อต้องลมแรงหนักไม้หลักโค่น
ยอดหญ้าโอนเคลียคลอล้อลมเล่น
สะบัดใบไหวพลิ้วรายริ้วเอน
ลู่ระเนนแล้วกลับคงตรงต้นยืน

เพราะฉะนี้หญ้าจึ่งมีมากมาย
แผ่ขยายเขียวเข้มเต็มแผ่นผืน
ยามร่วงรา...รอก่อน..ย้อนกลับคืน
ไม่แข็งขืน..อ่อนบ้าง...ในบางครา

ฝากแง่คิด...น้อยนิด...ชีวิตมนุษย์
บางจังหวะหยุดรั้งระวังท่า
บางจังหวะ..ก้าวถอย...คอยเวลา
แต่คงมั่นในศรัทธานิรันดร์กาล

8 comments:

Anonymous said...

ผมแอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่นะครับ..ว่าพี่น้ำพี้เขียนบทนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้ผม.. ขอบพระคุณครับ

Anonymous said...

“Though many years,
At great expense,
Journeying through many countries.
I went to see high mountains,
I went to see oceans.
Only I had not seen
At my very doorstep,
The dew drop glitening
On the ear of the corn.”

รพินทรนาถ ฐากูร



"บนหนทาง การเดิน เนิ่นนานปี
ที่เคยมี ในดินแดน แคว้นหลายหลาก
ผ่านเขาสูง ทะเลไกล ในแดนยาก
เห็นมามาก แต่ยังเลย ไม่เคยดู

คือหยดน้ำ พร่างพราย รายระยับ
ที่ประดับ ฝักข้าวโพด ใกล้ประตู
เปรียบดังเห็น เช่นโลกกว้าง ต่างฤดู
แต่ไม่สู้ เห็นสิ่งน้อย คอยข้างตน"

"นิดนรี" แปล

น้ำพี้ said...

ใบตองมีสิ่งดี ๆ มาฝากอีกแล้ว
ขอบคุณค่ะ

พี่เขียนบทนี้ให้ทุกคนมุ่งมันต่อความศรัทธาของจัวเองค่ะ

ศรีปะภา หายไปไหนนะ...คิดถึงจัง
ช่วนน้องชนา ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ที่ Opera
น้าสายน้ำเติมกำลังกายให้ตัวเองเต็มเปี่ยมหรือยังคะ

ฝากคำทักทายถึงทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนนะคะ

Anonymous said...

((( พี่ศรีประภาหายไปไหนคร้าบ )))

ตอนนี้ พี่สายน้ำคงสบายดีนะครับ?

น้องชนาไปไหนน๊า..ไม่เจอน้านนาน...

Anonymous said...

Where the mind is without fear


Where the mind is without fear and the head is held high,

Where knowledge is free;

Where the world has not been broken up into fragments by narrow domestc walls;

Where words come out from the depth of truth;

Where tireless striving stretches its arms towards perfection;

Where the clear stream of reason has not lost its way into the dreary desert sand of dead habit;

Where the mind is led forward by thee into even-widening thought and action - into that heaven of freedom,

My Father, let my country awake.



Rabindranath Tagore



ณ ที่ใดดวงใจมิไหวหวั่น


๏ ณ ที่ใดดวงใจไม่ไหวหวั่น

ไม่พรึงพรั่นหวั่นระแวงแหนงฉงาย

ณ ที่ใดอยู่ได้ด้วยเกียรติพราย

มิต้องค้อมเศียรถวายผู้ใดเลย


๏ ณ ที่ใดไร้ซึ่งอวิชชา

ล้วนวาจาส่อสัตย์จัดเฉลย

ณ ที่ใดโลกหล้าพาเสบย

ไม่เฉยเมยเกี่ยงวิรุธประทุษกัน


๏ ณ ที่ใดมีความพยายามยิ่ง

อุตสาหะเพื่อสิ่งสมบูรณ์มั่น

ณ ที่ใดธารใสแห่งเหตุนั้น

ไม่เหือดแห้งไปพลันด้วยชาชิน


๏ณ ที่ใดดวงใจจรดล

สู่สถลแห่งกรรมกระทำสิ้น

อีกพลังจิตตาเป็นอาจิณ

ขอสวรรค์โปรดยินดลบันดาล


๏มาตุภูมิข้าไซร้ได้สัญจร

สู่นครอันบำราศเรื่องร้าวฉาน

ณ ที่นั้นขอพระโปรดประทาน

ให้สมฤทธิ์กิจการสมใจ เทอญฯ



เรืองอุไร - กรุณา กุศลาสัย ถอดความ

Anonymous said...

"หน้าที่ อาจวัดด้วยผลประโยชน์ที่ได้รับจากกำไร และอำนาจที่มันนำมาให้ แต่ศิลปะไม่อาจวัดได้ด้วยสิ่งใด นอกจากตัวของมันเอง มีปัจจัยอื่นๆในชีวิตที่เป็นดั่งอาคันตุกะผู้มาเยือนแล้วจากไป แต่ศิลปะคือแขกที่มาเยือนแล้วคงอยู่ สิ่งอื่นๆอาจสำคัญต่อชีวิต แต่ศิลปะคือสิ่งมีชีวิตที่ขาดไม่ได้"

รพินทรนาถ ฐากูร

Anonymous said...

"หญ้าแพรก ถึงจะต้นเล็กๆแต่คืบคลานของเจ้า
สักวันจะหนาแน่นเต็มแผ่นดิน"
รพินทรนาถ ฐากูร

Anonymous said...

ดอกหญ้าดอกหนึ่ง

แวะเวียนมาเยี่ยม

ดอกหญ้าอีกดอกหนึ่ง

คิดถึงเสมอ

ฝากคำคิดถึงละเมอไปถึงตาหวังด้วยนะคะ

สัญจร อิสรา