11/22/07

แสงเรืองในเมืองหม่น

แสงไฟเรื่อเรืองเมืองใหญ่
รถราขวักไขว่ในถนน
ดุ่มเดินเคล้าคละปะปน
จุดหมายแต่ละคนที่ใด

พ่อ
...ในผับดนตรีเบาเบา
แก้วเหล้าบางบางวางใกล้
สาวอ้อนคลอเคล้าเอาใจ
เสี่ยใหญ่กระเป๋าหนักควักตังค์

ลูกชาย
...วูบวาบวิบวิบพริบพร่าง
โยกร่างเต้นส่ายคล้ายคลั่ง
ดนตรีบรรเลงเพลงดัง
มันส์จัง..ขยับแข้ง..แร้งกา

ลูกสาว
....ปาร์ตี้ยาไอซ์ยาอี
ลูกหลานเศรษฐีมากหน้า
คบคนมีระดับอัพยา
สุมหัวเฮฮาประจำ

พ่อ
...สินค้าเรียงรายยืนอวด
คนขี้เมื่อยปวดคลาคล่ำ
ชี้เลือกนวดเน้นเคล้นคลำ
ขยี้ขยำตามใจ

ลูกชาย
...จับกลุ่มรุมหน้าทีวี
บอลแมทซ์นัดนี้เท่าไหร่
วิเคราะห์เลือกข้างอย่างไร
ครึ่งควบได้ไหม..ต่อรอง

ลูกสาว...
เสพย์ยาคลอเคล้าเมามาย
เปลือยกายยั่วเย้าเราสอง
กามาร่ายรำทำนอง
ทดลองแลกมิตรชิดชม

แม่
เข้าบ่อนลองเสี่ยง...อีกครั้ง
ความหวังตั้งไว้ใกล้สม
แทงผิดเเฉียดฉิวหวิวตรม
หนี้ท่วมทับถมบานปลาย

แสงไฟเรื่อเรืองเมืองหม่น
วิถีผู้คนทั้งหลาย
มืดม่านบ้านเปลี่ยวเดียวดาย
รอเช้าตะวันฉาย..มาเยือน

7 comments:

ศรีประภา said...

พวกเขาเหล่านี้...

พ่อแม่ลูกชายลูกสาว
เกลือกคาวคลั่งไคล้คระหาย
หลงใหลแสงแห่งอบาย
เลวร้ายตายสิ้นจิตวิญญาณ

ยุคมืดสังคมบริโภค
แสวงโชคเลี้ยงซากสังขาร
แสงเมืองสว่างเรืองตระการ
บัดแสงแห่งจิตวิญญาณ...พลันมืดมน!!!

ดีใจจังเลยค่ะ...
ต่อมจินตนาการ"น้ำพี้"เริ่มปฏิบัติการได้แล้ว
แสงเรืองในเมืองหม่น สะท้อนสังคมได้ชัดลึก
ฝีมือ"น้ำพี้"คมเฉียบ!

เอ...แล้วบ้านสายน้ำพระจันทร์และบ้านน้องชนา
มีการเคลื่อนไหวบ้างยังนะ...ต้องตามไปดูแล้ว
คิดถึงจัง...

Anonymous said...

...แทนที่จะแสวงหาความสุข หรือพยายามเก็บงำความสุขไว้
เราอาจสร้างความสุขด้วยการหว่านเพาะ “เมล็ดพันธุ์” แห่งความสุข
แต่ที่น่าขันก็คือ เราหวังอยากได้ความสุข แต่เราไม่สร้าง ไม่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขกันเลย..

(กรรมะ กาเลย์ จากหนังสือ “ภูฐาน ต้นธารความสุขมวลรวมประชาชาติ” หน้า ๔๗)

สายน้ำพระจันทร์ said...

สังเราสมัยนี้นี้ มายา หนาขึ้นทุกวัน
หนาจน คนเราหาความสุขที่จริงแท้แทบไม่พบ

ดิ้นรน ขวนขวาย วุ่นวาย แข่งขัน
สุดท้าย ไม่รู้ทำเพื่ออะไร ..

น้าน้ำพี้หายไปที กลับมาก็แหลมคม

ฝากถึงคุณศรีประภา
คาดว่าวันนี้อาจจะมีการเคลื่อนไหว
ถ้าโอกาสอำนวย แต่สงสัยจะได้แค่เอารูปไปลง นะคะ

น้องใบตองก้ขอให้สุขภาพแข็งแรง และหัวใจเป้นสุขนะคะ


คิดถึงทุกคน ค่ะ

Anonymous said...

" แม้ว่าความพยายามในการที่จะนำสันติภาพสู่โลก โดยการเปลี่ยนแปลงสภาวะภายในของแต่ละ ปัจเจกชนจะเป็นสิ่งที่ยาก
แต่ก็เป็นวิถีทางเดียว ข้าพเจ้าได้แสดงออกเช่นนี้ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะไปที่ไหน ข้าพเจ้าขอสนับสนุนให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าอาชีพ
จงได้ต้อนรับวิถีด้วยดี สันติภาพ จะพัฒนาได้แรกสุดภายในแต่ละปัจเจกชน ข้าพเจ้าเชื่อว่า ความรัก ความเมตตา และความไม่เห็นแก่ตัว คือรากฐาน ของสันติภาพ
ครั้นคุณภาพเช่นนี้ได้ พัฒนาภายในแต่ละปัจเจกชน
เขา หรือ เธอ จักสมานฉันท์บรรยากาศเช่นนี้ จักขยายกว้าง และ แผ่ออกไปจาก แต่ละบุคคลสู่ครอบครัว จากครอบครัว สู่ชุมชน และ ท้ายสุด สู่โลกทั้งมวล"

องค์ทะไลลามะ

Anonymous said...

ท่านติช นัท ฮันห์ เคยกล่าวไว้ว่า
พุทธศาสนาเป็นวิถีชีวิต
เนื่องด้วยคติข้อหนึ่งที่แพร่อยู่ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน
คือ วิถีทางแห่งพุทธธรรม คือ วิถีทางแห่งชีวิต
ท่านจึงนำธรรมเข้าสู่ชีวิตประจำวัน เช่น
ฝึกลมหายใจเพื่อนำสู่ “สติ” และ “สันติ”
ไม่ว่าจะในขณะเดิน นั่ง รับประทานอาหาร
หรือขณะทำกิจกรรมอื่นๆ เป็นต้น
และไม่เพียงแต่ในห้องปฏิบัติเท่านั้น
แต่ยังปฏิบัติในครัว ในห้องน้ำ ในห้องพัก
และระหว่างทางเดินด้วย

สัญจร อิสรา said...

หวัดดีค่ะคุณน้ำพี้

มาทักทาย อ่านงานอันคมคาย

ยังจำกันได้หรือเปล่าหนอ...

น้ำพี้ said...

ยินดีต้อนรับค่ะคุณสัญจร .... คิดถึงจัง
วันก่อนเห็นผลงานในคมชัดลึก ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ...

มาบ่อย ๆ นะคะ

เพื่อน ๆ คะช่วงนี้ผลงานกระปริบประปรอยนะคะ ขอตัวไปสะสางงานก่อน (เอ้อ...ทั้งงาน ทั้งการเฮฮา ค่ะ )