12/10/07

การเดินทางสู่ภายใน # ๑

ขณะกำลังก้าวเดิน
แต่ละก้าว…แต่ละก้าว
การก้าวที่แตกต่าง...
แตกต่างเพราะมุ่งมั่นรับรู้
ว่าในขณะนี้กำลังก้าว
แหงนมองท้องฟ้า
รู้ว่ามากมาย..ดวงดาว
บางดวงแสงเด่นพราว
บางดาวคล้ายซ่อนเร้น
....แม้ไม่เห็น..แต่คงมี
เรียนรู้บทเรียนดารา
สิ่งที่สัมผัสด้วย”ตา”
ไมใช่ทั้งหมดที่มี...
เรียนรู้บทเรียนจากบาทวิถี
ถึงวิธี...การเลือกก้าวเดิน
ใต้เต๊นท์น้ำค้างชุ่ม
ไร้ที่นอนนุ่ม...ละห่างเหิน
....ไร้ละ...สิ่งเพลิดเพลิน
จุดเริ่มต้น...แห่งการเดินทาง
........ภายใน.............

บันทึกบทที่หนึ่งแห่งการเดินทางสู่ภายใน กับการผ่อนคลายโดย ธรรม(ชาติ)
ที่สวนธรรม คำแสดริเวอร์แคว รีสอร์ท 3-5 ธันวาคม 2550

9 comments:

สายน้ำพระจันทร์ said...

บางทีเราเดินทางไกล เพื่อเรียนรู้โลกภายนอก
เส้นทางภายใน เหมือนใกล้ แต่บางทีก็ไกลกว่าจะก้าวเข้าไปถึง

ยินดีด้วยค่ะที่น้าน้ำพี้ได้ไปสัมผัส บรรยากาศแห่งความสงบ
ได้เริ่มต้นก้าว สู่ "ภายใน"
ที่เชื่อว่าจะก้าวนับเนื่องต่อไป
ด้วยใจสงบ ..

ขออนุโมธนา

chanakith said...

เดินทางกลับมาแล้วค่า...
คิดถึงพี่ๆ ทู้กกกกคน
จุ๊บๆ

Anonymous said...

...มักจะมีคำพูดที่ว่า ความสุขนั้นไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ ขณะนี้และที่นี่ แต่ความสุขนั้นจะหาได้ในอนาคต คนส่วนใหญ่มักจะหาความสุข เงื่อนไขของความสุขที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่มีคนมากนักที่จะมีความสามารถมีความสุขกับปัจจุบันขณะและเบิกบานกับขณะนี้

พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสว่า อดีตได้ผ่านไปแล้ว และอนาคตยังมาไม่ถึง มีเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นชั่วขณะที่เราจะมีชีวิตได้อย่างแท้จริง นั่นก็คือ ชั่วขณะปัจจุบัน หากเธอสามารถนำใจกลับมาหากายได้ เธอจะสามารถสัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของชีวิต ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ...

ติช นัท ฮันห์

Anonymous said...

“...บางทีเราอาจจะพูดได้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่จริง มิใช่อยู่อย่างตายซาก ก็ต่อเมื่ออยู่อย่างเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโลก ดังนั้น จงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ความทุกข์ของคนอื่นก็คือความทุกข์ของเรา ความสุขของคนอื่นก็คือความสุขของเรา...”

ติช นัท ฮันห์

Anonymous said...

“เมื่อร่างกายตึงเครียดใจก็หงุดหงิดง่าย เกิดการแสดงออกต่อคนในครอบครัวและคนรอบข้าง พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องการตระหนักรู้ให้มนุษย์จัดการอารมณ์ตัวเอง เมื่อพลังแห่งความโกรธผุดขึ้นมาก็ต้องหาพลังแง่บวกมาจัดการ คือ พลังแห่งสติ จึงควรทำทุกอย่างอย่างมีสติ

เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งสติเจริญเติบโตก็จะดูแลความเจ็บปวดและความรู้สึกต่างๆ เมื่อปฏิบัติเช่นนั้นได้ ก็ช่วยคนในครอบครัวปลดปล่อยความตึงเครียดได้ เมื่อเรากลับมาดูแลสันติในตัวเราก็เป็นการง่ายที่จะเชิญผู้อื่นให้มีสันติ ความโกรธและความหงุดหงิดก็จะเกิดขึ้นได้ยาก”

ติช นัท ฮันห์

Anonymous said...

“ถ้าหากเราสามารถติดตามลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้าเรารู้ตัวว่าเราอยู่ที่นี่ มีสติตลอดเวลา หายใจออก เราส่งยิ้มน้อยๆให้กับตัวเอง เพื่อเป็นการเชื่อมต่อระหว่างกายกับจิตของเราเอง ให้กายกับใจของเราสามารถที่จะสื่อสารกันได้ คุณสมบัติในการที่จะสื่อสารกันได้นี้ได้สูญหายไปจากยุคสมัยปัจจุบัน ทำให้คนเราเกิดความไม่ไว้วางใจกันและไม่มีความสุขสงบทางจิตใจ แต่ถ้าเราสามารถกระทำผ่านบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่รักหรือคนในครอบครัว ฝึกที่จะรับฟังและได้ยินสิ่งที่เขาบอกเล่าอยู่ต่อหน้าเราในขณะนั้นก็จะเกิดความสุขสงบขึ้นในสังคมของเรา

การปฏิบัติไปสู่หนทางแห่งสติและการรู้ตัวทั่วพร้อมนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปที่โบสถ์ หรือเข้าวัดเพื่อที่จะเจริญสติ แต่ทำที่ไหนก็ได้ ในปัจจุบันที่เรารู้ตัว แค่การกำหนดลมหายใจเข้าออกแบบอาณาปาณสติตามพระสูตรในพุทธศาสนาที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบไว้ให้เรา แม้เวลาจะผ่านไปนาน 2,600 ปี แต่ก็ยังนำมาประยุกต์ใช้ได้ดีและยังใช้ได้จริงในยุคสมัยนี้”

ติช นัท ฮันห์

Anonymous said...

“...การที่เราจะบังคับบัญชาจิตใจ และทำความคิดให้สงบได้นั้น เราจะต้องเจริญสติที่จิตใจด้วย ไม่ใช่ที่ลมหายใจอย่างเดียว นั่นคือ ต้องฝึกมีสติให้รู้พร้อมถึงความรู้สึกต่างๆ (เวทนานุปัสสนา) และรู้พร้อมถึงความคิดต่างๆ (จิตตานุปัสสนา) ด้วย เราต้องรู้วิธีสังเกต และรู้เท่าทันความรู้สึกและความคิดทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา ท่านอาจารย์เซน เดื่อง เจียว ซึ่งอยู่ในช่วงสุดท้ายของราชวงศ์ลี เขียนไว้ว่า

ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมรู้จักจิตใจของตนเองอย่างถ่องแท้ ก็จะเข้าถึงธรรมโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก แต่ถ้าไม่รู้จักจิตใจของตนเองเลย ความพยายามทั้งหมดของเขาก็จะสูญเปล่า มีหนทางเดียวเท่านั้นที่เธอจะรู้จักจิตใจของเธอเองได้ นั่นก็คือการสังเกตและรู้เท่าทัน ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับจิตใจ และต้องฝึกปฏิบัติอยู่ตลอดเวลาทั้งในชีวิตประจำวัน และในเวลาของการฝึกสมาธิ...”

จากหนังสือ ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ

ติช นัท ฮันห์

Anonymous said...

We really have to understand the person we want to love.
If our love is only a will to possess, it is not love.
If we only think of ourselves,
if we know only our own needs and
ignore the needs of the other person,
we cannot love.

Thich Nhat Hanh

Anonymous said...

^
^
เราจะต้องเข้าใจคนที่เรารักนั้นจริงๆ
หากรักนั้น คือมุ่งปรารถนาแต่จะครอบครอง, นั้นย่อมไม่ใช่รัก
หากเรานึกถึงแต่ตัวเอง
คิดเอาแต่ใจตัวเอง
อีกทั้งเฉยเมยต่อ(ความรู้สึกของ)คนอื่น
เราย่อมไม่อาจจะรักได้.



ใบตอง แปล (ผิดพลาดประการใด โปรดอภัยด้วยครับ)